svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

พรรคกล้า ฟ้อง 3 เขตเลือกตั้งซ่อมซื้อเสียงหนัก

03 มกราคม 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

“กรณ์ - อรรถวิชช์” ลงพื้นที่ ตลาดบางเขน-ตลาดอมรพันธ์ ฟ้องเลือกตั้งซ่อมทั้ง 3 เขต เจอ อำนาจเงิน-อำนาจรัฐ แทรกแซงหนัก

หัวหน้าพรรคกล้า กรณ์ จาติกวณิช  และ เลขาธิการพรรค อรรถวิชช์ สุวรรณภักดีว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เลือกตั้งซ่อม หลักสี่-จตุจักร ลงพื้นที่พบปะประชาชนและรับฟังปัญหาที่ตลาดบางเขน ตลาดอมรพันธ์ โดยพ่อค้าแม่ค้าให้ความสนใจทักทายให้กำลังใจอย่างเป็นกันเอง พร้อมสะท้อนปัญหาสินค้าราคาแพง โดยเฉพาเนื้อหมูที่ราคาพุ่งสูงมากในช่วงนี้

ชาวบ้าน สะท้อนปัญหาสินค้าราคาแพง

หัวหน้าพรรคกล้า บอกว่า เศรษฐกิจปากท้องเป็นเรื่องท้าทาย  ซึ่งรัฐบาลมีภาระหน้าที่สำคัญในการแก้ปัญหาปากท้อง โดยต้องดูว่าเป็นเรื่องกลไกการตลาด หรือ  การบริหารจัดการ  จึงเสนอให้กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งมีอำนาจหน้าที่กำกับดูแล ต้องดูว่า  ไม่มีใครเอารัดเอาเปรียบ อ้างกลไกตลาดในการปรับขึ้นราคาสินค้า

ขณะที่นายอรรถวิชช์  ย้ำ ถึงการลงสมัครรับเลือกตั้งซ่อมในครั้งนี้ ว่า  ตั้งใจกลับมาทำงานสานต่อพัฒนาสาธารณูปโภคย่อยๆ ในซอย ทางลัด ระบบระบายน้ำสายย่อย ไฟฟ้าส่องสว่าง  ที่มีความทรุดโทรม ก่อนจะถึงวันเลือกตั้ง  พยายามไปพบปะประชาชนให้ได้มากที่สุด และย้ำ ว่า ในบรรดาผู้สมัครทุกคน  เขาเองมีความผูกพันกับเขตนี้มากที่สุด ทั้งหลักสี่-จตุจักร  ลงพื้นที่มาตั้งแต่ปี 2548 ช่วงโควิดก็มีการตั้งศูนย์กล้าอาสา ช่วยคนหาเตียง 7,000 คน ตั้งศูนย์พักคอยถึง 36 ศูนย์ 

“ผมทำงานทุกวัน เจอคนคุ้นหน้าคุ้นตาก็ทักทาย มั่นใจว่า  เราจะนำชัยชนะมาได้ แม้ว่าพรรคกล้าจะเป็นพรรคใหม่ แต่เกณฑ์ชี้วัดครั้งนี้ ต้องถามพี่น้องประชาชน  ว่า การเมืองคุณภาพ การเมืองสร้างสรรค์ เกิดได้ไหมในกรุงเทพมหานคร มั่นใจว่า  วิธีการคิดโครงสร้างหลักของชาติ ศาสตร์ กษัตริย์เป็นเรื่องสำคัญ แต่เป้าหมายของชาติ  คือ การแก้วิกฤตเศรษฐกิจ การเป็นมืออาชีพในด้านนี้ อยากเห็นประเทศดีขึ้น”

 

หัวหน้าพรรคกล้า บอกว่า  พรรคกล้าส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งซ่อมทั้ง 3 เขต คือ กทม. ชุมพร และสงขลา และยอมรับว่า  ในต่างจังหวัดมีอิทธิพล  เรื่องเงินอย่างมหาศาล  ทำให้กังวลว่า  การใช้เงินจำนวนมาก จะเป็นการบิดเบือนเจตนารมย์ ความตั้งใจ และความต้องการตามระบอบประชาธิปไตยของประชาชน คนดีเข้ามาทำงานการเมืองยากขึ้น 

"การลงพื้นที่พบปะชาวบ้าน พบว่า มีการซื้อสิทธิ์ขายเสียงมากขึ้นเรื่อยๆ สมัยก่อน 50-100 บาท เดี๋ยวนี้ 2,000-3,000 บาท ที่ผ่านมาพบเยอะมาก และโจ่งแจ้งมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นเรื่องที่ ยังไม่มีใครมีมาตรการลงไปปราบปรามแก้ไข หากพูดถึงคุณภาพผู้สมัคร ข้อเสนอทางนโยบาย กระแสความต้องการของคนในพื้นที่   เราไม่มีอะไรกังวล  แต่กังวลเรื่องอำนาจเงิน และการใช้อำนาจรัฐ ที่สามารถทำให้เจตนาและความต้องการของประชาชนเปลี่ยนไปในแนวทางที่ไม่ได้เป็นคุณต่ออนาคตของประชาชน รัฐควรออกมามีบทบาทมากขึ้น โดยเฉพาะหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง ควรออกมาสื่อสาร และมีมาตรการการควบคุมที่ดีกว่านี้ ” นายกรณ์ กล่าว

logoline