นายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสัน แถลงวันนี้ว่า ออสเตรเลียจำเป็นต้องปรับเกณฑ์เข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 เพื่อบรรเทาภาระของห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์ที่มีงานล้นมือ โดยกำหนดเรียกประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อหารือแนวทางในวันพฤหัสบดีที่ 30 ธ.ค.นี้ หลังจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจากการแพร่กระจายสายพันธุ์โอมิครอน และมีประชาชนเข้าแถวรอตรวจหาเชื้อแบบพีซีอาร์ยาวเหยียดในหลายพื้นที่
แผนใหม่ของรัฐบาลจะให้ความสำคัญอันดับแรกในการตรวจหาเชื้อโควิด-19 สำหรับกรณีเร่งด่วนเพื่อลดภาระของศูนย์ตรวจโควิด ที่จะต้องรอผลตรวจจากห้องแลบนาน 3-4 วัน โดยจะหันมาเน้นการตรวจหาเชื้อแบบ แรพพิด แอนทิเจน กำหนดคำนิยามใหม่สำหรับกลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ที่จะต้องแยกกักตัวนาน 7 วัน เพื่อลดภาระของระบบสาธารณสุข
ภายใต้คำนิยมใหม่จะกำหนดว่า ผู้สัมผัสเสี่ยงสูง หมายถึง คนที่ใช้เวลาใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อเป็นเวลานานตั้งแต่ 4 ชั่วโมงขึ้นไปโดยอยู่ในครัวเรือนเดียวกัน หรืออยู่ในสถานที่แบบศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ เป็นต้น และต่อจากนี้จะมีการตรวจหาเชื้อโควิด-19แบบพีซีอาร์ให้กับผู้มีอาการป่วยเท่านั้น
ขณะเดียวกันรัฐควีนสแลนด์จะยกเลิกข้อกำหนดให้ผู้เดินทางข้ามรัฐเข้าสู่ควีนสแลนด์ต้องแสดงผลตรวจเป็นลบด้วยการตรวจแบบพีซีอาร์ โดยตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.ผู้เดินทางข้ามรัฐสามารถใช้ผลตรวจแบบแรพพิด แอนทิเจนได้
นอกจากนี้รัฐเซาท์ออสเตรเลีย ที่เผชิญปัญหาขาดแคลนเจ้าหน้าที่ด่านหน้า กำหนดว่า เจ้าหน้าที่สาธารณสุข และเจ้าหน้าที่ดูแลผู้สูงอายุที่สัมผัสใกล้ชิดหรือสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันโควิด-19 ยังได้รับอนุญาตให้ทำงานต่อได้โดยไม่ต้องกักตัว จนกว่าจะมีผลตรวจโควิด-19 เป็นบวก
ขณะนี้การแพร่กระจายของไวรัสโคโรนากลายพันธุ์สายพันธุ์โอมิครอน ทำให้ผู้ติดเชื้อรายใหม่ในออสเตรเลียพุ่งสูงขึ้นเป็นเกือบ 18,300 คน ลบสถิติเก่าราว 11,300 คนเมื่อวันอังคาร และผู้ติดเชื้อในรัฐนิวเซาท์เวลส์ ซึ่งมีประชากรมากที่สุดและเป็นที่ตั้งของนครซิดนีย์ มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวเป็น 11,201 คน
อย่างไรก็ตามยอดผู้ติดเชื้อสะสมยังทั่วประเทศอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำเกือบ 341,500 คนและผู้เสียชีวิตสะสม 2,210 ราย