svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

คพ.เผยไฟไหม้โรงงานอุตสาหกรรมเคมีเพิ่มขึ้น แนะควรตรวจสอบสม่ำเสมอ

06 ธันวาคม 2564
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

กรมควบคุมมลพิษ เผยสถิติเหตุเพลิงไหม้โรงงานในปี 2564 แล้ว 24 ครั้ง โดยพื้นที่ภาคกลางเกิดเหตุมากสุด แนะหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรตรวจสอบโรงงานอุตสาหกรรมอย่างสม่ำเสมอ เพื่อลดผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สิน

6 ธันวาคม 2564 นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมาเกิดเหตุเพลิงไหม้โรงงานบ่อยครั้ง ข้อมูลสถิติของกรมควบคุมมลพิษ ระหว่างปี 2560 – 2564 มีเหตุเพลิงไหม้โรงงานที่เกี่ยวกับการผลิตเม็ดพลาสติกและผลิตภัณฑ์พลาสติก โกดังจัดเก็บสารเคมีและน้ำมันเชื้อเพลิง จำนวน 75 ครั้ง และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยในปี 2564 เกิดเหตุเพลิงไหม้ไปแล้วทั้งสิ้น 24 ครั้ง

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง >> "บิ๊กป้อม" สั่งบูรณาการทุกหน่วยงาน รับมือฝุ่น PM 2.5

คพ.เผยไฟไหม้โรงงานอุตสาหกรรมเคมีเพิ่มขึ้น แนะควรตรวจสอบสม่ำเสมอ

เหตุเพลิงไหม้โรงงานที่เกี่ยวกับการผลิตเม็ดพลาสติกและผลิตภัณฑ์พลาสติก 

  • โรงงานผลิตพลาสติกและผลิตภัณฑ์พลาสติก จำนวน 15 ครั้ง 
  • โรงงานรีไซเคิลน้ำมันหรือโกดังเก็บน้ำมัน จำนวน 5 ครั้ง และ
  • โรงงานผลิตสารเคมี จำนวน 4 ครั้ง 

โดยพื้นที่ที่เกิดเหตุเพลิงไหม้มากที่สุดคือบริเวณภาคกลาง จำนวน 16 ครั้ง ได้แก่ จังหวัดสมุทรปราการ จำนวน 5 ครั้ง กรุงเทพมหานคร จำนวน 5 ครั้ง ปทุมธานีและนครปฐม จำนวนจังหวัดละ 2 ครั้ง สมุทรสาคร และเพชรบุรี จำนวนจังหวัดละ 1 ครั้ง ส่วนสาเหตุที่ทำให้เกิดเพลิงไหม้เกิดจาก 

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง >> คพ.ผนึก กรมอุตุฯ มุ่งพัฒนาการพยากรณ์ฝุ่น PM2.5 แจ้งเตือนประชาชน

คพ.เผยไฟไหม้โรงงานอุตสาหกรรมเคมีเพิ่มขึ้น แนะควรตรวจสอบสม่ำเสมอ

  1. การเสื่อมสภาพและชำรุดของเครื่องจักรที่มีอายุการใช้งานมานานและขาดการบำรุงรักษาจนเป็นสาเหตุของความร้อนและประกายไฟ รวมทั้ง ต้นเหตุจากไฟฟ้าลัดวงจร 
  2. กระบวนการผลิตมีการใช้ความร้อนในการแปรรูป เช่น การหลอมและขึ้นรูปพลาสติกซึ่งมีความเสี่ยงจากการลุกติดไฟได้ในขณะปฏิบัติงาน 
  3. มีการจัดเก็บวัตถุดิบและสต๊อกผลิตภัณฑ์ไว้ในโรงงานเป็นจำนวนมาก เช่น น้ำมัน สารเคมี พลาสติก เป็นต้น ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ทำให้มีความเสี่ยงที่จะเกิดความรุนแรงของเพลิงไหม้มากยิ่งขึ้น
  4. ขาดการประเมินความเสี่ยงของโรงงานที่อาจก่อให้เกิดเพลิงไหม้ และ 
  5. ขาดอุปกรณ์ดับเพลิง และการซักซ้อมในการเผชิญเหตุเพลิงไหม้ของเจ้าหน้าที่โรงงานอุตสาหกรรมและหน่วยงาน

 

อธิบดี คพ. ยังกล่าวว่า เหตุการณ์ที่ผ่านมาพบว่าเมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้แล้วจะมีการลุกลามอย่างรวดเร็ว เนื่องจากพลาสติก น้ำมัน และสารเคมีตั้งต้นต่างๆ เป็นเชื้อเพลิงอย่างดี สามารถติดไฟได้ง่าย ให้ความร้อนสูง ทำให้ยากแก่การควบคุมและดับเพลิง ซึ่งก่อความเสียหายแก่ทรัพย์สินของผู้ประกอบการ มีผู้ได้รับบาดเจ็บและบางกรณีเสียชีวิต มีการแพร่กระจายการปนเปื้อนสารเคมีสู่สิ่งแวดล้อม อาทิ น้ำผิวดิน น้ำใต้ดิน และมลพิษทางอากาศจากไอระเหยสารเคมีและเขม่าควัน ส่งผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของประชาชนที่อาศัยอยู่ใกล้เคียง

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง >> กทม. เตรียมพร้อมรับสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 หมอกควันและไฟไหม้หญ้า ปี 64 – 65

คพ.เผยไฟไหม้โรงงานอุตสาหกรรมเคมีเพิ่มขึ้น แนะควรตรวจสอบสม่ำเสมอ

โดยเฉพาะมลพิษทางอากาศที่เกิดจากการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ ได้แก่ คาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) คาร์บอนมอนออกไซด์ (CO) ไนโตรเจนออกไซด์ (NOx) ซัลเฟอร์ออกไซด์ (Sox) ฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน (PM2.5) และฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอน (PM10) มลพิษเหล่านี้จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อระบบทางเดินหายใจของประชาชน 

“แนวทางที่สำคัญเพื่อเป็นการป้องกันและลดความรุนแรงของผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินและสุขภาพของประชาชน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรตรวจสอบโรงงานอุตสาหกรรมอย่างสม่ำเสมอ เพื่อกำกับดูแลโรงงานให้ได้มาตรฐานและปฏิบัติตามแผนฉุกเฉินของโรงงานที่ได้กำหนดไว้ การบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดกับโรงงานอุตสาหกรรมที่ทำผิดกฎหมาย และการสร้างการมีส่วนร่วมให้ภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการตรวจสอบโรงงาน ร่วมกับหน่วยงานที่กำกับดูแล” 

 

logoline