กมธ.ตำรวจ เผยตำรวจเร่งทำสำนวนคดี "บอส อยู่วิทยา" ให้เสร็จ ธ.ค. นี้

     วันนี้ (25 พ.ย.) ที่รัฐสภา นายสัญญา นิลสุพรรณ ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร แถลงภายหลังการประชุมถึงความคืบหน้าคดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส อยู่วิทยา ว่า วันนี้มีตัวแทนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ผู้แทนบก.น.5 ผู้แทนสำนักงานจเรตำรวจ ผู้แทนกองการต่างประเทศ และผู้แทนจาก สน.ทองหล่อ มาเข้าร่วมประชุม 

     โดย กมธ.ได้ซักถามถึงการดำเนินการติดตามตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดี ซึ่ง ตร. โดยกองการต่างประเทศชี้แจงว่า ทำหนังสือประสานไปยังประเทศต่างๆ เพื่อสอบหาที่อยู่ของผู้ต้องหา ปัจจุบันได้รับความร่วมมือจากหลายประเทศตอบกลับมา และตำรวจสากลออกหมายแดงคดีนี้แล้ว ส่วนประเด็นที่ กมธ. เสนอให้นำมาตรการเชิงรุกต่างๆ มาใช้ติดตามผู้ต้องหา เช่น การให้เจ้าหน้าที่เดินทางไปต่างประเทศเพื่อติดตามนั้น ได้รับคำชี้แจงว่า มีปัญหาติดขัดในเรื่องงบประมาณ

     นายสัญญา กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ได้สอบถามถึงการดำเนินการตรวจสอบตำรวจที่ถูกกล่าวหาว่า มีส่วนเกี่ยวข้องในการดำเนินการไม่ให้ผู้ต้องหาถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งมีตำรวจถูกกล่าวหา 18 นาย ส่วนการสืบสวนข้อเท็จจริงตำรวจ 4 นายที่ถูกกล่าวหาว่าเปลี่ยนแปลงความเร็วของรถ ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการและคาดว่าจะสามารถทำรายงานการสืบสวนให้แล้วเสร็จภายในเดือน ธ.ค. 64 แต่ยังมีหลายประเด็นที่การตอบคำถามของผู้แทน ตร. ยังไม่มีความคืบหน้าและความชัดเจนเพียงพอ 

     รวมทั้ง กมธ. ยังหารือกรณีที่ ส.ส.ตั้งกระทู้ถามในสภาฯ เรื่องการดำเนินการดังกล่าว หลังจากนี้คงหารือร่วมกันระหว่าง กมธ.ตำรวจ กมธ.การป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ และ กมธ.การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน เพื่อประชุมร่วมกันในเรื่องนี้ พร้อมเชิญผู้แทน ตร. ที่อยู่ในระดับนโยบาย มาชี้แจงต่อ กมธ.ด้วย เพื่อให้การคำตอบคำถามจะได้ประเด็นที่ครบถ้วน
 

     เมื่อถามว่าการที่ตำรวจสอบถามไปยังประเทศต่างๆ พอจะยืนยันว่านายวรยุทธ์หลบอยู่ที่ประเทศใด นายสัญญา กล่าวว่า ทางตำรวจสันนิษฐานว่าอยู่ประเทศออสเตรีย แต่ที่ไม่ยืนยันชัดเจน เพราะวีซ่าหมดอายุ จึงไม่พบรายชื่อการใช้วีซ่าดังกล่าวในการเข้าไปในออสเตรีย

     เมื่อถามว่า กมธ. เคยเชิญครอบครัวหรือคนใกล้ชิดของนายวรยุทธ์ที่ยังอยู่ในประเทศมาชี้แจงหรือไม่ นายสัญญา กล่าวว่า ยังไม่ได้เชิญ เพราะไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงกับคดีนี้ เนื่องจาก กมธ. มุ่งเน้นไปที่การทำงานของตำรวจถึงขั้นตอนการดำเนินคดี แต่ยอมรับว่าผู้ที่เป็นญาติอาจรู้ว่าอยู่ที่ใด ซึ่งอาจจะปกป้องคนในครอบครัว แต่ผู้ที่ถืออำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย มีหน้าที่ในการหาพยานหลักฐานหรือสืบเสาะ ซึ่งมีวิธีการหรือมาตรการของเจ้าหน้าที่อยู่ ซึ่งตำรวจยืนยันว่าจะเร่งสรุปรายงานการตรวจสอบเรื่องทำคดีและช่วยเหลือคดีให้เสร็จสิ้นภายในเดือน ธ.ค.64