การประชุมสุุดยอดผู้นำอาเซียน-จีน จัดขึ้นแบบทางไกลโดยจีนเป็นเจ้าภาพ ในโอกาสครบรอบ 30 ปีของความสัมพันธ์อาเซียนและจีน และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กล่าวว่า "เราขอประกาศว่า จีนและอาเซียนได้ยกระดับเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์แบบคลอบคลุม นี่เป็นก้าวย่างใหม่ในความสัมพันธ์ทวิภาคี และจะเป็นแรงผลักดันครั้งใหม่นำไปสู่สันติภาพ เสถียรภาพ ความมั่งคั่ง และการพัฒนาในภูมิภาคและโลกของเราโดยรวม"
นอกจากนี้เขากล่าวคลายความกังวลแก่ชาติอาเซียนท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดในทะเลจีนใต้ในระยะนี้ว่า "จีนไม่ได้แสวงหาอิทธิพลเหนือกว่าประเทศใดในภูมิภาคนี้ และไม่คิดใช้ความได้เปรียบจากขนาดของประเทศเพื่อบังคับขู่เข็ญประเทศเล็กกว่า และจะร่วมมือกับอาเซียนเพื่อกำจัดการแทรกแซงจากภายนอก พร้อมทั้งยืนยันว่า จีนเป็นและจะเป็นเพื่อนบ้านที่ดี มิตรที่ดี และหุ้นส่วนที่ดีของอาเซียนตลอดไป"
คำมั่นสัญญาจากผู้นำจีนมีขึ้นหลังจากเมื่อวันพฤหัสบดีฟิลิปปินส์เพิ่งประณามกรณีเรือยามฝั่งของจีน 3 ลำปิดทางและใช้ปืนฉีดน้ำแรงดันสูงยิงใส่เรือขนเสบียงของกองทัพเรือฟิลิปปินส์ ที่มุ่งหน้าไปยังบริเวณน่านน้ำพิพาททะเลจีนใต้
ประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตร์เต ของฟิลิปปินส์ กล่าวต่อที่ประชุมอาเซียน-จีนในวันนี้ด้วยว่า เขารังเกียจเหตุวิวาทดังกล่าว และย้ำว่า หลักนิติธรรมเป็นหนทางเดียวในการแก้ไขข้อพิพาท ซึ่งเขาหมายถึงคำตัดสินของศาลอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศในปี 2559 ที่ระบุว่า คำอ้างกรรมสิทธิ์ของจีนในทะเลจีนใต้ไม่มีข้อสนับสนุนทางกฎหมาย
การประชุมครั้งนี้จัดขึ้นโดยไม่มีผู้แทนจากเมียนมาเข้าร่วม แม้จีนพยายามผลักดันให้พลเอกอาวุโส มิน อ่อง-หล่าย ผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมาเข้าร่วมก็ตาม เมื่อเดือน ต.ค. ชาติอาเซียนก็จัดการประชุมสุดยอดโดยไม่เชิญพลเอกอาวุโส มิน อ่อง-หล่าย เข้าร่วม ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และให้เหตุผลว่าเป็นเพราะผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมาไม่ตอบสนองตามข้อตกลงเพื่อเพื่อยุติความขัดแย้งในเมียนมา