วันนี้ (19 พ.ย.) มีรายงานว่า เมื่อวันที่ 18 พ.ย.ที่ผ่านมา นายสิงห์ชัย ทนินซ้อน อัยการสูงสุด ได้ลงนามในคำสั่งสำนักงานอัยการสูงสุดที่ 1990/2564 เรื่อง ให้พนักงานอัยการช่วยราชการปฏิบัติราชการและรักษาการในตำแหน่ง โดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 13, 15 และ 27 แห่ง พ.ร.บ.องค์กรอัยการและพนักงานอัยการ พ.ศ. 2553 จึงมีคำสั่งให้พนักงานอัยการช่วยราชการปฏิบัติราชการและรักษาการในตำแหน่งดังต่อไปนี้
1.นายสุวิทย์ เทพรินทร์ อัยการผู้เชี่ยวชาญพิเศษสำนักงานอัยการภาค 2 พ้นจากปฏิบัติราชการสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 2 ภาค 2 และให้รักษาการในตำแหน่งอัยการจังหวัดพัทยา
2.น.ส.วรรณทนีย์ สุดสัตย์ อัยการผู้เชี่ยวชาญสำนักงานอัยการภาค 2 พ้นจากรักษาการในตำแหน่งอัยการจังหวัดพัทยา และให้ช่วยราชการสำนักงานคดียาเสพติดปฏิบัติราชการสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดี
3.น.ส.วนิดา เศวตทิฆัมพร อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุดสำนักงานอัยการจังหวัดพัทยา ช่วยราชการสำนักงานคดีอาญาปฏิบัติราชการสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 5
4.นายจิรัฏฐ์ เสรีกุล อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานอัยการจังหวัดพัทยาช่วยราชการสำนักงานคดีอาญาปฏิบัติราชการสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา
5.นายกิตติ นันทวงษ์ อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดีจังหวัดพัทยา ช่วยราชการสำนักงานอัยการจังหวัดพัทยาอีกหน้าที่หนึ่ง
6.นายธนกิจ โชติประดิษฐ์ รองอัยการจังหวัดพัทยา ช่วยราชการสำนักงานคดียาเสพติด ปฏิบัติราชการสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดียาเสพติด
7.นายคมสัน รักการดี รองอัยการจังหวัดคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดีจังหวัดพัทยา ช่วยราชการสํานักงานอัยการจังหวัดพัทยาอีกหน้าที่หนึ่ง
8.นายอารักษ์ บัวแก้ว อัยการจังหวัดผู้ช่วยสำนักงานอัยการคดีศาลแขวงพัทยา ช่วยราชการสํานักงานอัยการจังหวัดพัทยา
9.นายภัทระวัฒนชัย อัยการผู้ช่วยสถาบันพัฒนาข้าราชการฝ่ายอัยการ พ้นจากช่วยราชการสํานักงานคดียาเสพติด และให้ช่วยราชการสำนักงานอัยการคดีศาลแขวงพัทยา ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 29 พ.ย. เป็นต้นไป
นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า การที่ นายสิงห์ชัย มีคำสั่งย้ายในครั้งนี้ ไม่ได้สรุปว่าอัยการจังหวัดพัทยาและอัยการผู้รับผิดชอบคดีมีความผิด แต่เมื่อมีประเด็นฟ้องผู้ต้องหาไม่ทันภายในระยะเวลากำหนดฝากขัง จนผู้ต้องหาถูกศาลสั่งปล่อยและเกิดประเด็นที่สังคมและสื่อมวลชนมีคำถามและสงสัย อัยการสูงสุดจึงต้องมีคำสั่งให้ย้ายออกนอกพื้นที่ก่อนเพื่อทำการตรวจสอบ ทั้งนี้เป็นไปตามนโยบายของอัยการสูงสุดที่ได้แถลงไว้ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งว่า การทำหน้าที่ของพนักงานอัยการและสำนักงานอัยการสูงสุด มีความโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้เสมอ หากตรวจสอบแล้วไม่มีความผิดก็สามารถกลับไปปฏิบัติหน้าที่เหมือนเดิมได้ แต่ถ้ามีความผิดก็ต้องว่าไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป
มีรายงานว่า สำหรับคำสั่งย้ายดังกล่าวมาจากกรณีที่พนักงานอัยการจังหวัดพัทยาสั่งฟ้อง นาย จั๋ง หยาง หรือ ลีโอ ผู้ต้องหาชาวต่างชาติกับพวกในข้อหาอุกฉกรรจ์ใช้อาวุธปืนยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจบาดเจ็บไม่ทันเป็นเหตุให้ศาลหมดอำนาจคุมตัว 84 วัน จนผู้ต้องหาดังกล่าวต้องปล่อยตัวตามกฎหมาย อย่างไรก็ตามในขั้นตอนทางอัยการสูงสุดก็จะตั้งกรรมการสอบสวนกรณีดังกล่าวต่อไป