ประวัติศาสตร์คดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว บันทึกไว้ว่า เมื่อวันที่ 27 ก.ย.60 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแน่งทางการเมือง นัดอ่านคำพิพากษา คดีหมายเลขดำที่ อม. 22/2558 ระหว่าง อัยการสูงสุด โจทย์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จำเลย เรื่อง ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ความผิดต่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต
ศาลฎีกาฯ พิพากษา จำคุก น.ส. ยิ่งลักษณ์ 5 ปี โดยไม่รอลงอาญา ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และความผิดกฎหมาย ป.ป.ช. และให้ออกหมายบังคับคดี นำตัวมารับโทษ เนื่องจากจำเลย ไม่มาฟังคำพิพากษา
โครงการรับจำนำข้าว สร้างความเสียหายกว่า 8.67 แสนล้านบาท มีการฟ้องร้องดำเนินคดีอาญาในส่วนของคลังรับฝากเก็บข้าว ที่องค์การคลังสินค้า (อคส.) และ องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ดูแลรับผิดชอบทั้งสิ้น 1,524 คดี
ปัจจุบันยังเหลือข้าวสารในสต๊อกรัฐบาล จากโครงการรับจำนำข้าวเปลือกสมัย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่อยู่ในความดูแลของ อคส.อีกจำนวนหนึ่ง ซึ่ง อคส.ได้ทยอยเปิดประมูลอย่างต่อเนื่อง แต่บางส่วนผู้ชนะประมูลรับมอบข้าว (เอาข้าวออกจากโกดังเก็บ) ไม่ได้ เพราะ เจ้าของโกดังยึดหน่วง ไม่ยอมให้เอาข้าวออก อคส.จึงได้ฟ้องร้องดำเนินคดีเจ้าของโกดังรายดังกล่าวไปแล้ว
นายเกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต ผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า (อคส.) เปิดเผยว่า ล่าสุดเหลือข้าวสารในสต๊อกที่จะต้องขายให้หมด 11,000-12,000 ตันเท่านั้น ส่วนใหญ่เป็นข้าวเหนียว และข้าวหอมมะลิ โดยตั้งเป้าหมายเปิดระบายให้หมดภายในปีนี้
ข้อมูลที่อ้างอิงจาก "ฐานเศรษฐกิจ" ปัจจุบันยังมีข้าวล็อตสุดท้ายในโครงการรับจำนำข้าว อคส. ดูแลกว่า 2.3 แสนตัน
-จำหน่ายแล้ว และอยู่ระหว่างการรับมอบกว่า 1.6 หมื่นตัน
-จำหน่ายแล้วผู้ซื้อปฏิเสธการรับมอบ / เจ้า ของคลังยึดหน่วง กว่า 1.76 แสนตัน
-น้ำหนักสูญหาย (รอปรับบัญชีตามหลักเกณฑ์) กว่าหมื่นตัน
-ข้าวหาย (อยู่ระหว่างดำเนินคดี) 3,587.303 ตัน
-ข้าวเปียกน้ำ/ไฟไหม้ 26,398.648 ตัน
ผู้อำนวยการ อคส. เปิดเผยว่า โครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี และนาปรัง ตั้งแต่ปีการผลิตปี 54-57 มูลค่าความเสียหายกว่า 494,198 ล้านบาท
อคส. ส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดส่งฟ้อง เจ้าของคลังเก็บข้าว ที่ อคส.เช่าเพื่อฝากเก็บข้าวในสต๊อกของรัฐบาล โรงสี เจ้าหน้าที่ อคส.ที่เกี่ยวข้องโครงการรับจำนำข้าว รวม 1,143 คดี
คดีอยู่ในชั้นศาลปกครองกลาง 1,136 คดี และศาลปกครองสูงสุด 4 คดี
มีคดีที่ อคส.ถูกคู่สัญญา เช่น เจ้าของโกดัง โรงสี ฟ้องร้อง 155 คดี คิดเป็นทุนทรัพย์ 4,782 ล้านบาท
คดีเกี่ยวกับโครงการรับจำนำมันสำปะหลัง ปี 51/52, ปี 54/55 และปี 56/57 เป็นกรณีมันเสื่อมสภาพ หรือสูญหาย กว่า 200 คดี
อยู่ในชั้นศาลปกครองกลาง 161 คดี มูลค่าความเสียหาย 18,723 ล้านบาท
คดีถึงที่สุดแล้ว 14 คดี ศาลพิพากษาให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายให้กับ อคส. 4,883 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการเร่งรัดให้ชดใช้ความเสียหาย
ส่วนการดำเนินคดีอาญา นักการเมือง และผู้เกี่ยวข้อง ที่อยู่ในความรับผิดชอบของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีความคืบหน้า ดังนี้
คณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกรัฐมนตรี กับพวก คดีปรับปรุงข้าวส่งออกไปยังอินโดนีเซีย เอื้อประบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด หรือคดีข้าวบูล็อค
ตามทางไต่สวน มีการทักท้วงจากผู้ส่งออกข้าว 2-3 รายถึงวิธีการในการเปิดประมูลการปรับปรุงข้าวส่งออกไปยังอินโดนีเซีย อาจทำโดยมิชอบ ความคืบหน้า ป.ป.ช.ส่งสำนวนให้ อสส. แล้ว ปัจจุบัน อสส. กำลังพิจารณาสำนวนคดี
คดี “จีทูจี” ยุครัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้แก่ ระบายข้าวจีทูจีล็อต 2 คณะกรรมการ ป.ป.ช.ตั้งไต่สวนเพิ่มเติม 2-3 ราย ส่วนใหญ่เป็นอดีตนักการเมืองที่อยู่ต่างประเทศ และอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เป็นผู้ถูกกล่าวหา
คดีจีทูจี ยุครัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มีอยู่ 3 คดี คือ 1.คดีระบายมันสำปะหลังจีทูจี 2.ระบายข้าวจีทูจี และ 3.การประมูลข้าวเป็นอาหารสัตว์เลี้ยง ปัจจุบันยังอยู่ระหว่างดำเนินการ โดยสาเหตุที่ล่าช้าเนื่องจากมีพยานเอกสารบางชิ้น ที่พบว่า ไม่เหมือนกับตัวต้นฉบับ โดยเอกสารที่ส่งมายัง ป.ป.ช. ไม่ปรากฏลายเซ็นของบุคคลใดเลย จึงขอเอกสารตัวจริงอยู่ และรอเสนอเข้าที่ประชุมองค์คณะกรรมการ ป.ป.ช. ไต่สวนว่าจะแจ้งข้อกล่าวหาใครบ้าง และคดีนี้ยังไม่หมดอายุความ เนื่องจากมีอายุความ 20 ปี
แหล่งข่าวจาก สำนักงานคณะกรรมการ ป.ป.ช. เปิดเผย "เนชั่นออนไลน์ ว่า คดีมันเส้นจีทูจี และคดีระบายข้าวจีทูจียุครัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ คณะกรรมการ ป.ป.ช. เตรียมชี้มูล ให้เสร็จภายในปี 2564