ผู้ประท้วงหลายพันเดินขบวนไปยังอาคารรัฐสภาในกรุงเวลลิงตันของนิวซีแลนด์ช่วงเช้าวันนี้ โดยส่วนใหญ่เป็นผู้สนับสนุนของกลุ่มแนวร่วมเสรีภาพและสิทธิ พวกเขาเรียกร้องให้ยกเลิกข้อบังคับฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 และขอให้ยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์เพื่อให้ประเทศกลับเข้าสู่ระดับเตือนภัยโควิด-19 ในระดับ 1 ภายในวันศุกร์นี้ มิฉะนั้นจะมีการประท้วงที่ทำให้การจราจรในเมืองใหญ่ทั่วประเทศเป็นอัมพาต
ขณะที่ทางการต้องปิดประตูทางเข้าเกือบทั้งหมด และเพิ่มกำลังตำรวจและทหารรักษาความปลอดภัยระดับสูงอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน และผู้ประท้วงส่วนใหญ่ รวมตัวโดยไม่สวมหน้ากากอนามัย โดยส่วนใหญชูป้ายประท้วงหรือตะโกนข้อความ เช่น "เสรีภาพ" และ "ชาวกีวีไม่ใช่หนูทดลอง" และเรียกร้องให้นิวซีแลนด์เรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับโควิด-19
นอกจากนี้ยังมีกลุ่มผู้ประท้วงมาตรการล็อกดวน์หลายสิบคน ปิดกั้นถนนไฮเวย์สาย 1 ที่พรมแดนทางเหนือของเมืองอ๊อกแลนด์ ทำให้การสัญจรหยุดชะงักราว 3 ชม.
การประท้วงมีขึ้นหลังจากนายกรัฐมนตรีจาซินดา อาร์เดิร์น ประกาศในเดือนที่แล้วให้ครู บุคลากรการแพทย์และผู้ดูแลผู้พิการต้องฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ครบโดส และสัญญาว่าจะยกเลิกข้อจำกัดต่างๆในการควบคุมโรค หากประชาชนส่วนใหญ่ได้รับการฉีดวัคซีนมากถึง 90% ซึ่งเป้าหมายดังกล่าวสูงกว่าหลายประเทศส่วนใหญ่ ทำให้ถูกคัดค้านจากผู้ประท้วงอย่างมาก
ด้านนายกรัฐมนตรีอาร์เดิร์น แถลงในช่วงบ่ายวันนี้ บอกว่า ผู้ประท้วงไม่ได้เป็นตัวแทนของชาวนิวซีแลนด์ส่วนใหญ่
นิวซีแลนด์เป็นหนึ่งในประเทศที่มีผู้ป่วยโควิด-19 น้อยที่สุดในโลก โดยมีผู้ติดเชื้อสะสมไม่ถึง 8,000 คนและผู้เสียชีวิต 32 ราย ขณะที่ในวันนี้มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 125 คน และประชาชนส่วนใหญ่ฉีดวัคซีนแล้วเกือบ 80%