svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

กรมสุขภาพจิต แนะ สอนลูกอย่างไรไม่ให้เหยียดคน บทเรียนจาก "#คลับเฮ้าส์toxic"

06 พฤศจิกายน 2564
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต แนะ 5 แนวทาง สอนลูกให้เรียนรู้ความแตกต่าง ไม่เหยียดไม่เกลียดคน จากประเด็นร้อน #คลับเฮ้าส์toxic สามารถใช้ชีวิตอยู่ในสังคมพหุวัฒนธรรมได้อย่างมีความสุข

กรมสุขภาพจิต แนะ สอนลูกอย่างไรไม่ให้เหยียดคน บทเรียนจาก "#คลับเฮ้าส์toxic"

ต่อเนื่องจากประเด็นร้อน #คลับเฮ้าส์toxic

 

กรมสุขภาพจิต แนะนำแนวทางการดูแลบุตรหลานในครอบครัว ให้เด็กและเยาวชนสามารถพัฒนาตนเองโดยเรียนรู้และเข้าใจความแตกต่าง ลดอคติ ไม่แบ่งแยก และสามารถใช้ชีวิตอยู่ในสังคมที่มีความแตกต่างหลากหลาย หรือมีลักษณะพหุวัฒนธรรมได้อย่างมีความสุข

กรมสุขภาพจิต แนะ สอนลูกอย่างไรไม่ให้เหยียดคน บทเรียนจาก "#คลับเฮ้าส์toxic"

กรมสุขภาพจิต แนะ สอนลูกอย่างไรไม่ให้เหยียดคน บทเรียนจาก "#คลับเฮ้าส์toxic"

 

ทางด้าน พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต ได้เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ดรามาล่าสุด ที่กำลังเป็นกระแสในโลกโซเชียลมีเดีย เรื่อง #คลับเฮ้าส์toxic นั้น กรมสุขภาพจิต ได้มีการติดตามอย่างใกล้ชิด และพบว่าในเหตุการณ์ดังกล่าว มีการใช้ถ้อยคำที่ค่อนข้างรุนแรง อาจมีผลกระทบต่อความรู้สึกของพี่น้องที่มีภูมิลำเนาอยู่ในบางภูมิภาคของไทยเป็นอย่างมาก

กรมสุขภาพจิต จึงขอรณรงค์ให้คนไทยทุกคนใช้โซเชียลมีเดียอย่างมีสติ ไม่สร้างความเกลียดชัง ไม่ดูถูก ดูหมิ่น หรือเหยียดหยาม แต่ให้เปิดใจยอมรับและเข้าใจความแตกต่าง  ลดความรู้สึกแตกแยกและขัดแย้งการใช้โซเชียลมีเดียอย่างมีคุณภาพจึงไม่ควรไปละเมิดหน้าที่ สิทธิ เสรีภาพของผู้อื่น และไม่ควรใช้พื้นที่สาธารณะในการก่อให้เกิดความเสียหายทางจิตใจต่อคนในสังคมด้วยกันเอง


ทำความเข้าใจ "สังคมไทย" พหุวัฒนธรรม

สังคมไทยนั้นเป็นสังคมแห่งความหลากหลาย หรือ มีความเป็นพหุวัฒนธรรม มีความผสมผสานของวัฒนธรรมที่หลากหลายมากมาย และเป็นสังคมที่มีค่านิยมเปิดกว้างต่อความแตกต่างที่มีอยู่ ซึ่งการที่คนในสังคมมีถิ่นที่อยู่ วัฒนธรรมในการใช้ชีวิต ขนบธรรมเนียมประเพณี ความเชื่อความศรัทธา และภาษาถิ่นที่แตกต่างกันนั้น ไม่ได้ทำให้เรามีความเป็นคนไทยแตกต่างกัน

 

" ทุกคนมีความเท่าเทียมกัน และควรได้รับการให้เกียรติเหมือนๆ กัน"

กรมสุขภาพจิต แนะ สอนลูกอย่างไรไม่ให้เหยียดคน บทเรียนจาก "#คลับเฮ้าส์toxic"

ถ้าเราทุกคนทำได้ ก็จะช่วยให้สังคมไทยโดยรวมพัฒนาขึ้น และเป็นสังคมแห่งความสุขโดยแท้จริง โดยจากเหตุการณ์นี้ เราอาจใช้เป็นโอกาสในการแนะนำเด็กและวัยรุ่นในครอบครัวเกี่ยวกับความเท่าเทียมกัน และ การยอมรับความแตกต่าง ในสังคม เพื่อให้เติบโตขึ้นและสามารถใช้ชีวิตสอดคล้องกับสภาพสังคมแห่งความหลากหลายได้อย่างมีความสุข

 

กรมสุขภาพจิต แนะ สอนลูกอย่างไรไม่ให้เหยียดคน บทเรียนจาก "#คลับเฮ้าส์toxic"

 

 

แนะ 5 แนวคิดสอนลูกเรียนรู้ความแตกต่าง

สำหรับแนวคิดที่จะทำให้เกิดการเรียนรู้ความแตกต่าง กรมสุขภาพจิต ขอแนะนำดังรายละเอียดต่อไปนี้

 

1. ให้สังเกตและทำความเข้าใจความเหมือนและความแตกต่างกันของแต่ละคน โดยให้มองเห็นว่า ความแตกต่าง นั้น เป็นสีสันตามธรรมชาติของทุกสังคม แม้ในบางจุด เราอาจจะมีความแตกต่างกันและมีอัตลักษณ์เป็นของตนเอง แต่โดยส่วนมากแล้วทุกคนก็ล้วนมีส่วนที่เหมือนกัน และไม่มีอัตลักษณ์ใดที่ด้อยไปกว่ากัน ทุกคนบนโลกมีความเป็นคนเท่าๆ กัน

 

2. ให้เด็กสามารถตั้งคำถามได้เกี่ยวกับความแตกต่างของแต่ละบุคคล โดยเด็กบางคนอาจจะสงสัยในความแตกต่าง เช่น สีผิว เพศ รูปร่าง ภาษา ศาสนา และวิถีชีวิตของเพื่อน ซึ่งผู้ปกครองสามารถให้คำตอบหรือชวนมาช่วยกันค้นคว้าผ่านแหล่งความรู้ที่หลากหลาย โดยใช้ใจที่เป็นกลาง ปราศจากอคติ

 

 

กรมสุขภาพจิต แนะ สอนลูกอย่างไรไม่ให้เหยียดคน บทเรียนจาก "#คลับเฮ้าส์toxic"

3. เรียนรู้ร่วมกันในครอบครัวผ่านตัวอย่างเหตุการณ์บนโลกโซเชียล เช่น เหตุการณ์การเกลียดชังในอดีต หรือกรณีที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ เนื่องจากแหล่งข้อมูลหลักของเด็กและวัยรุ่นในยุคปัจจุบันมาจากสื่อโซเชียลมีเดียเป็นหลัก เราจึงสามารถหาตัวอย่างการเหยียดและอคติที่เกิดขึ้นและนำมาพูดคุยกันในประเด็นต่าง ๆ เช่น เพราะเหตุใดเหตุการณ์แบบนี้จึงเกิดขึ้น ตัวเรามีความเสี่ยงอย่างไรในการถูกเหยียดหรือแบ่งแยก และเราสามารถปกป้องตนเองได้อย่างไรในอนาคต

 

4. ชวนทำกิจกรรมแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกับผู้คนต่างพื้นที่ หรือกิจกรรมที่มีคนจากหลายวัฒนธรรมมาทำกิจกรรมร่วมกัน ได้มีการพูดคุยในสำเนียงภาษาที่แตกต่างกัน มีอาหารการกินที่แตกต่างกัน หรือแบ่งปันเรื่องขนบธรรมเนียมของแต่ละพื้นที่ที่มีความแตกต่างกัน  ก็จะช่วยทำให้เด็กเปิดโลกและเข้าใจสังคมพหุวัฒนธรรมมากขึ้น นอกจากนี้ ยังอาจหาโอกาสในการเข้าร่วมกิจกรรมรณรงค์ต่อต้านการกลั่นแกล้งและการเหยียด ที่มักมีในชมรมหรือสื่อโซเชียลมีเดียต่างๆ ได้เช่นเดียวกัน

 

5. ผู้ใหญ่ในครอบครัวควรเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเด็กและวัยรุ่น ด้วยการหลีกเลี่ยงการเหยียดความแตกต่าง ไม่ใช้คำบ่งชี้ลักษณะภายนอกของเด็กมาแทนชื่อเด็ก ไม่ชื่นชมลูกเพียงเพราะรูปลักษณ์ภายนอก ไม่ชมเชยลูกโดยเอาไปเปรียบเทียบกับเด็กคนอื่น เป็นตัวอย่างในการมีความเห็นอกเห็นใจให้ผู้อื่น รวมถึงปฏิบัติต่อเด็กอย่างเท่าเทียม ให้เกียรติ และเคารพสิทธิของเด็กและวัยรุ่นในครอบครัว

 

 

กรมสุขภาพจิต แนะ สอนลูกอย่างไรไม่ให้เหยียดคน บทเรียนจาก "#คลับเฮ้าส์toxic"

ทุกคนมีความเท่าเทียมกัน และควรได้รับการให้เกียรติเหมือน ๆ กัน ถ้าเราทุกคนทำได้ก็จะช่วยให้สังคมไทยโดยรวมพัฒนาขึ้นและเป็นสังคมแห่งความสุขโดยแท้จริง โดยจากเหตุการณ์นี้ เราอาจใช้เป็นโอกาสในการแนะนำเด็กและวัยรุ่นในครอบครัวเกี่ยวกับความเท่าเทียมกันและการยอมรับความแตกต่าง ในสังคม เพื่อให้เติบโตขึ้นและสามารถใช้ชีวิตสอดคล้องกับสภาพสังคมแห่งความหลากหลายได้อย่างมีความสุข

logoline