"ลูกหยีสามรส" บ้านหนองแสงสร้างรายได้ให้ชุมชน

3 พฤศจิกายน 2564 ที่วิสาหกิจชุมชนลูกหยีแปรรูปบ้านหนองแสง เลขที่ 8 หมู่ 10 ต.นาพละ อ.เมือง จ.ตรัง  บรรดาสมาชิกกำลังเร่งคัดเลือกลูกหยีที่ตัดมาจากป่า เพื่อเร่งทำลูกหยีกวน ลูกหยีทรงเครื่อง ลูกหยีสามรส ภายใต้แบรนด์หยีตรัง ให้พอกับความต้องการของลูกค้า โดยตอนนี้เป็นสินค้าขึ้นชื่อที่กำลังได้รับความนิยมจากลูกค้าเป็นอย่างมาก ลูกหยีเป็นผลไม้ป่าชนิดหนึ่ง มีรสเปรี้ยวอมหวาน เปลือกสีดำ เนื้อในสีแดงส้ม มีมากในภาคใต้ของประเทศไทย นิยมเอามาปรุงรสมากกว่าจะรับประทานสดๆ

สำหรับกระบวนการทำนั้นทางนางเพ็ญศรี ทองแป้น อายุ 48 ปี  ประธานกลุ่มฯ และนายประยูร สังฆราช อายุ 45 ปี กรรมการกลุ่ม ได้นำไปชมขั้นตอนการเก็บลูกหยีสดซึ่งต้องเข้าไปในป่าพบต้นลูกหยีสูงประมาณ 30 เมตร คนขึ้นเก็บลูกหยีต้องขึ้นไปตัดบนยอดก่อนให้ผู้ที่รอด้านล่างเก็บลูกหยีสดที่ถูกตัดลงมาด้านล่าง โดย 1 ต้นได้ลูกหยีประมาณ 400 กก. 

จากนั้นนำกลับมาคัดเลือกลูกหยีโดยจ้างคนในพื้นที่ที่ว่างจากงานสวนงานไร่ให้มีรายได้เสริม ก่อนนำมาตากแดด ซึ่งทางวิสาหกิจชุมชนลูกหยีแปรรูปบ้านหนองแสงได้รับสนับสนุนตู้อบพลังแสงอาทิตย์ จำนวน 2 ตู้ จากสำนักงานพลังงานจังหวัดตรัง ทำให้สามารถอบแห้งลูกหยีได้เร็วขึ้น ต่อมาสาธิตการทำลูกหยีสามรส ที่ใช้น้ำเชื่อมสูตรเฉพาะคลุกกับลูกหยี 
     

จากนั้นโรยน้ำตาลคลุกเคล้าให้เข้ากัน ทำให้ได้รสชาติที่กลมกล่อม หวาน เปรี้ยว เค็ม เผ็ด และได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมีลูกหยีกวน ลูกหยีตากแห้ง ลูกหยีสด น้ำลูกหยี ให้ลูกค้าได้เลือกซื้อไปรับประทาน สำหรับผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปติดตามได้ที่เฟสบุ๊กลูกหยีแปรรูปบ้านหนองแสง โทรศัพท์ 087-4176532

นางเพ็ญศรี ทองแป้น อายุ 48 ปี  ประธานกลุ่มฯ เผยว่า ก่อนหน้านี้ตนและสามีเป็นผู้หาหยีสดส่งให้พ่อค้าคนกลางไปขายต่อในปัตตานีและยะลา โดยทำมานับ 10 ปี แต่เนื่องด้วยลูกหยีที่มีมากถึง 2-3 ตัน ทำให้ส่งออกยากประกอบกับช่วงโควิด 19 ทำให้ถูกพ่อค้าคนกลางกดราคาจึงนำมาแปรรูปเอง 

โดยเริ่มฝากขายตามร้านขายของชำวันละ 10-20 ถุง จนสินค้าเริ่มมีคนนิยมเพิ่มมากขึ้น จึงชวนกันตั้งกลุ่มวิสาหกิจชุมชนขึ้นมาเป็นการสร้างงานให้กับคนพื้นที่อีกด้วยทั้งคนขึ้นเก็บลูกหยีให้ค่าแรงคนละ 2000 บาท คนคัดลูกหยีก็เป็นแม่บ้านที่ว่างจากงานกรีดยางทำนาเฉลี่ยได้ค่าแรงวันละ 300 บาท ตอนนี้หยีตรังก็มีส่งออกในพื้นที่และต่างจังหวัด และที่ภูมิใจที่สุดคือได้ขึ้นห้างที่ กทม.แล้วด้วย 

 โดยตนได้เข้าร่วมอบรมตามโครงการต่างๆที่หน่วยงานจัดขึ้น เพื่อพัฒนาต่อยอดสินค้าให้มีคุณภาพ ปัจจุบันนี้ก็มีหน่วยงานต่างๆมาให้ความรู้ และมอบอุปกรณ์ทุ่นแรงมาช่วยในการผลิต สำหรับนักท่องเที่ยวหรือผู้ที่สนใจสามารถเข้ามาเยี่ยมชมได้ตลอด เข้าทาง อบต.นาพละก็จะมีป้ายบอกทาง

ภาพ/ข่าว โดย: ถนอมศักดิ์ หนูนุ่ม จ.ตรัง