เฟซบุ๊ก ประกาศว่า จะหยุดใช้ซอฟต์แวร์จดจำใบหน้า ที่ช่วยระบุตัวตนอัตโนมัติในรูปถ่ายและวิดีโอที่ปรากฏบนแพลตฟอร์ม และจะลบข้อมูลใบหน้าของผู้ใช้เฟซบุ๊กที่มีมากกว่า 1,000 ล้านคนได้เสร็จภายในเดือน ธ.ค. ทำให้หลังจากนี้เมื่อผู้ใช้งานโพสต์ภาพหรือวิดีโอในอนาคต จะไม่มีการแท็กชื่อคนที่ปรากฏในภาพหรือวิดีโอโดยอัตโนมัติ
การตัดสินใจที่ประกาศผ่านบล็อกของเจอโรม เพเซนติ รองประธานฝ่ายปัญญาประดิษฐ์ของเฟซบุ๊ก จะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่สำหรับอุตสาหกรรมเทคโนโลยี และเฟซบุ๊ก โดยผู้ใช้งานมากกว่า 1 ใน 3 ในแต่ละวันของเฟซบุ๊ก เลือกใช้การตั้งค่าจดจำใบหน้า
เฟซบุ๊ก บอกว่า หน่วยงานกำกับดูแลยังอยู่ระหว่างการกำหนดกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนเกี่ยวกับการใช้งานระบบจดจำใบหน้า และท่ามกลางความไม่แน่นอนนี้ จึงเชื่อว่า การจำกัดการใช้ระบบนี้จะเป็นมาตรการที่เหมาะสม แต่ยืนยันว่า ยังต้องมีการใช้เทคโนโลยีจดจำใบหน้าต่อไป และอาจใช้ในโซเชียล เน็ตเวิร์ค และผลิตภัณฑ์อื่นๆของบริษัทในอนาคต เพราะยังคงเป็นเครื่องมือสำคัญในการยืนยันตัวบุคคล ป้องกันการฉ้อโกง และการปลอมแปลงตัวตน
ขณะนี้หลายรัฐและหลายเมืองในสหรัฐฯมีการออกข้อบังคับของตัวเองในการจำกัดหรือห้ามการใช้ระบบจดจำใบหน้า หลังจากเสียงวิจารณ์เรื่องการละเมิดความเป็นส่วนตัว หรือ ความถูกต้องแม่นยำที่เกี่ยวเนื่องจากสีผิวและเชื้อชาติของผู้ใช้งาน แต่ยังคงไม่มีการออกข้อบังคับที่ชัดเจนจากรัฐบาลกลางสหรัฐฯ
ก่อนหน้านี้บริษัทเทคโนโลยีอื่นๆ เช่น ไอบีเอ็มยุติการขายผลิตภัณฑ์ระบบจดจำใบหน้าแล้ว ส่วนไมโครซอฟต์ และแอมะซอน ระงับการขายระบบจดจำใบหน้าให้ตำรวจอย่างไม่มีกำหนด