จี20 บรรลุข้อตกลงเก็บภาษีบริษัทยักษ์ใหญ่ 15%

กลุ่มประเทศจี20 ที่ประกอบด้วย 19 ชาติและสหภาพยุโรปเปิดการประชุมแบบพบปะกันด้วยตัวเองเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปีที่กรุงโรมของอิตาลีเมื่อวันเสาร์ โดยมีเพียงประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน และประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินเข้าร่วมประชุมผ่านระบบวิดีโอ และที่ประชุมเห็นชอบสนับสนุนข้อเสนอของสหรัฐฯที่ให้จัดเก็บภาษีนิติบุคคลขั้นต่ำอย่างน้อย 15% กับบริษัทข้ามชาติยักษ์ใหญ่ และคาดว่าจะมีการรับรองข้อตกลงอย่างทางการในวันนี้ และมีผลบังคับใช้ในปี 2023

ข้อตกลงนี้จะป้องกันไม่ให้บริษัทข้ามชาติยักษ์ใหญ่ เช่น แอปเปิ้ล หรือ อัลฟาเบต ที่เป็นบริษัทของกูเกิ้ลโยกย้ายผลกำไรไปประเทศหรือดินแดนที่มีการเก็บภาษีต่ำมาก โดยข้อตกลงจะมีผลต่อบริษัทที่มียอดขายทั่วโลกมากกว่า 2 หมื่นล้านยูโร และมีอัตรากำไรมากกว่า 10%

นายกรัฐมนตรี มาริโอ ดรากี ของอิตาลี กล่าวตอนเปิดการประชุมว่า เราบรรลุข้อตกลงระวัติศาสตร์ที่ทำให้ระบบการจัดเก็บภาษีของนานาชาติมีความเป็นธรรมและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และประธานาธิบดีโจ ไบเดน ซึ่งเดิมเสนอให้เก็บภาษีขั้นต่ำ 21% ทวีตแสดงความยินดีว่า "มันไม่ใช่แค่ข้อตกลงเก็บภาษี แต่เป็นการพลิกโฉมเศรษฐกิจโลกเพื่อประโยชน์ของประชาชน"

นอกจากนี้ที่ประชุมยังสนับสนุนให้ขยายเวลาการผ่อนผันหนี้แก่ประเทศยากจน และสัญญาสนับสนุนการฉีดวัคซีนแก่ประชากร 70% ของทั้งหมดทั่วโลกภายในกลางปีหน้า

แต่ในการประชุมวันที่สองในวันนี้ ผู้นำจี20 ต้องเผชิญความยากลำบากในการลดความเห็นต่างเพื่อหาจุดยืนร่วมกันเกี่ยวกับแนวทางแก้ไขปัญหาโลกร้อน ที่เป็นวาระสำคัญของการประชุมเรื่องสภาพภูมิอากาศจัดโดยสประชาชาติที่จะเริ่มขึ้นในวันจันทร์

สื่อรายงานว่า ร่างแถลงการณ์ของที่ประชุมจี20 จะให้คำมั่นว่า จะพยายามควบคุมอุณหภูมิโลกไม่ให้เพิ่มสูงขึ้นอีก 1.5 องศาเซลเซียสจากระดับช่วงก่อนยุคอุตสาหกรรม และชาติพัฒนาแล้วจะระดมทุนจากภาครัฐและเอกชนให้ได้ปีละ 1 แสนล้านดอลลาร์จนถึงปี 2025 เพื่อให้ความช่วยเหลือชาติกำลังพัฒนาในการรับมือกับปัญหาโลกร้อน