วันที่ 24 ตุลาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 อ.เมือง จ.เชียงใหม่ พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5 ได้แถลงข่าวผลการจับกุม จากกรณีแก๊งค์เสื้อฮู้ดดำ หรือแก๊งค์ซีซ่า ได้ออกทำร้ายประชาชนในพื้นที่ อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ และทรัพย์สินของผู้ถูกทำร้ายไปด้วย ทั้งโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต กระเป๋าเงิน
โดยกลุ่มแก๊งดังกล่าวได้ใช้ไม้เบสบอลและขวด เป็นอาวุธในการทำร้ายประชาชนเพื่อระบายแค้นที่มีเรื่องทะเลาะวิวาทกับกลุ่มวัยรุ่นในพื้นที่อ.สันป่าตอง-แม่วาง เหตุเกิดเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนจังหวัดเชียงใหม่และท้องที่สามารถจับกุมขบวนการร่วมกลุ่มแก๊งเสื้อฮู้ด ได้ 2 คน เป็นเยาวชนอายุ 16-17 ปี และได้สารภาพซัดทอดถึงผู้ร่วมขบวนการอีก 4 คน ทางตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐาน และได้ไปขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหาที่หลือ อีก 4 คน พร้อมกับขยายผลเพิ่มเติม
กระทั่งล่าสุด เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2564 พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้นำหมายจับกุมของศาลจังหวัดเชียงใหม่ ไปติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาในกลุ่มแก๊งเสื้อฮูู้ด ที่เหลืออีก 4 คนที่ จ.ลำพูน พร้อมของกลางเป็นไม้เบสบอล ที่ใช้ก่อเหตุ สามารถจับกุมหัวหน้ากลุ่มนี้คือ นายปฏิภาณ หรือซีซ่า สินเทียม อายุ 24 ปี ได้ที่บ้านเลขที่ 78/4 หมู่ 10 ต.ไชยสถาน ต.อุโมงค์ อ.เมือง จ.ลำพูน พร้อมกับพวกอีกประมาณ 10 คน ซึ่งยังเป็นเยาวชนทั้งหมด ทางเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหา "ร่วมกันวิ่งราวทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกในการวิ่งราวทรัพย์ หรือพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นให้พ้นจากการจับ และร่วมกันทำร้ายุผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ โดยเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
โดยระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวผู้ต้องหาไปสอบสวน ผู้สื่อข่าวได้สอบถามนายปฏิภาณ ว่าได้ทำจริงหรือไม่ และมีพฤติการณ์อย่างไร โดยนายปฏิภาณ กล่าวว่า เรื่องราวทั้งหมดตนเองไม่ได้เป็นคนทำ และในวันเกิดเหตุไม่ได้ไปกับกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าว กลุ่มตนเองชื่อว่าเฮอริเคน ไม่ได้ชื่อซีซ่า โดยซีซ่าเป็นชื่อเล่นของตนเอง สำหรับในวันเกิดเหตุเป็นกลุ่มวัยรุ่นของตนเอง ที่ไปก่อเหตุแต่ตนเองไม่ได้ไป และไม่มีส่วนรู้เห็น โดยตนเองมีเงินใช้เดือนละ 1 แสนบาท เพราะว่าคุณแม่โอนมาให้จากต่างประเทศ ไม่เคยไปก่อเหตุอาชญากรรม
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับนายปฏิภาณ หรือซีซ่า สินเทียม เคยมีคดีค้างเก่าในลักษณะเดียวกันอีก 4 คดี และนายปฏิภาณ มีลูกน้องในเครือข่ายอีกกว่า 100 คน อยู่ในพื้นที่ จ.ลำพูน โดยนายปฏิภาณอาศัยว่ามีกำลังทรัพย์สินมากจึงใช้เลี้ยงกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าว เพื่อเป็นลูกน้องในการสร้างอิทธิพลในพื้นที่ จ.ลำพูน
โดย เกรียงไกร รัตนา / ศูนย์ข่าวภาคเหนือ