นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า วันนี้สมาคมฯ ได้ทำหนังสือด่วนร้องเรียนไปยังมหาเถรสมาคม ผ่านสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ให้ดำเนินการเอาผิดอดีตพระยันตระ หรือ นายวินัย ละอองสุวรรณ ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.208 ประกอบ พรบ.คณะสงฆ์ 2505 ม.29
โดยหลักฐานสำคัญในกรณีดังกล่าว คือ อดีตพระยันตระ ได้ให้สัมภาษณ์กับรายการหนึ่ง ถึงภาพที่ปรากฏออกมา โดยยืนยันว่าตนเองยังเป็นพระและนักบวชอยู่ มีแต่รูปแบบภายนอกเท่านั้นที่เปลี่ยนไป ยังใช้นมัสการเหมือนเดิม ซึ่งเป็นการยืนยันด้วยตนเองต่อสาธารณะว่าตนยังเป็นพระอยู่
ทั้งๆ ที่อดีตพระยันตระได้พ้นจากความเป็นพระไปนานแล้วและห้ามบวชเข้ามาเป็นพระอีกเพราะต้องสิขาบทปราชิก เพราะเสพเมถุน อีกทั้งได้หลบหนีคดีอาญาไปอยู่ต่างประเทศจนหมดอายุความ เป็นที่ครหาของชาวพุทธทั่วไป
ดังนั้น การที่อดีตพระยันตระยังยืนยันต่อสาธารณะว่ายังเป็นพระอยู่และแต่งกายห่มจีวรสีเขียว อันมีบักษณะคล้ายพระในพุทธศาสนา เพียงแต่มิได้ปลงผมโกนเคราเท่านั้น พฤติการดังกล่าเข้าองค์ประกอบความผิดตาม ปอ.208
โดยชัดเจนที่ว่า “ผู้ใดแต่งกายหรือใช้เครื่องหมายที่แสดงว่าเป็นภิกษุ สามเณร นักพรต หรือนักบวชในศาสนามดโดยมิชอบ เพื่อให้บุคคลอื่นเชื่อว่าตนเป็นบุคคลเช่นว่านั้น ต้องระวางไทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี”
ซึ่งถือว่าเป็นกฎหมายเพื่อจัดการพวกอลัชชีทั้งหลายที่ชอบเสะเมถุน มิให้สร้างความแปดเปื้อนในบวรพุทธศานาได้ เฉกเช่นในอดีตที่เราเคยใช้กฎหมายตราสามดวงในพระไอยการลักษณะผัวเมีย บทที่ 40 และ 41 นั่นเอง
เพื่อมิให้สังคมพุทธศานาของไทยถูกกระทำโดยบุคคลนอกรีตอีกต่อไป สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงทำหนังสือร้องเรียนไปยังมหาเถรสมาคมผ่านสำนักพุทธศาสนาแห่งชาติ ให้ดำเนินการเอาผิดกับบุคคลที่แอบอ้างตนเป็นพระเสียโดยเร็ว ก่อนที่จะกลับอเมริกา 27 ต.ค.นี้
และขอให้กำหนดมาตรการหรืออกมติมหาเถรสมาคมเพื่อจัดการพระภิกษุทั้งหลายที่ลดตัวเองไปกราบไหว้พวกอลัชชีดังกล่าวด้วย นายศรีสุวรรณกล่าวในที่สุด