วันนี้ (14 ต.ค.) ที่กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 1 ได้ร่วมกับสำนักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง จับกุม Mr.Ruifeng Mel. ชาวจีน ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดสระบุรี ตามที่พนักงานสอบสวนฝ่ายปกครอง อำเภอวังม่วง จังหวัดสระบุรี ได้ขออนุมัติหมายจับไว้เมื่อวันที่ 28 เม.ย. 64 ในความผิดฐานยื่นคำขอมีบัตรประจำตัวประชาชนโดยไม่มีสัญชาติไทย ด้วยการแสดงหลักฐานอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อความต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติบัตรประจำตัวประชาชน พ.ศ.2526 มาตรา 14(1)
โดย Mr.Ruifeng Mel. ได้ทำการสวมบัตรประจำตัวประชาชนเป็นคนไทย ซึ่งทางอำเภอวังม่วง จังหวัดสระบุรี ได้ตรวจสอบข้อมูลทางทะเบียนราษฎรพบว่า บุคคลดังกล่าวไม่มีความเคลื่อนไหวทางทะเบียนก่อนทำบัตรประจำตัวประชาชน และทางอำเภอวังม่วงได้ร้องทุกข์กล่าวโทษ Mr.Ruifeng Mel. ไว้กับพนักงานสอบสวนฝ่ายปกครอง อำเภอวังม่วง จังหวัดสระบุรี ตั้งแต่เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. ที่ผ่านมา และอยู่ระหว่างการสอบสวนและติดตามตัว Mr.Ruifeng Mel. มาดำเนินคดี
นอกจากนี้ Mr.Ruifeng Mel. ยังได้กระทำความผิดฐานเป็นบุคคลต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด (613 วัน) ตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2522 มาตรา 84 อีกกระทงหนึ่ง
ซึ่งภายหลังจากพนักงานสอบสวนของกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 1 ได้นำตัว Mr.Ruifeng Mel. ส่งฟ้องต่อพนักงานอัยการและศาลอาญาพระโขนง ได้มีคำพิพากษาลงโทษแล้ว ทางกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 1 ก็จะส่งตัว Mr.Ruifeng Mel. ให้กับพนักงานฝ่ายปกครองได้ทำการสอบสวนขยายผล ก่อนนำตัว Mr.Ruifeng Mel. ส่งไปให้กับพนักงานสอบสวนฝ่ายปกครอง อำเภอวังม่วง จังหวัดสระบุรี เพื่อดำเนินคดีในความผิดเกี่ยวกับ พระราชบัญญัติบัตรประจำตัวประชาชน พ.ศ.2526 ต่อไป
ดร.รัฐวิช จิตสุจริตวงศ์ ผอ.ส่วนการสอบสวนคดีอาญา กรมการปกครอง เผยว่า การกระทำผิดครั้งนี้เป็นการสวมบัตรประจำตัวประชาชนเป็นคนไทย โดยเครือข่ายของกลุ่มนายหน้าที่นำคนต่างด้าวมาสวมตัวคนไทย ที่เคลื่อนไหวอยู่แถบจังหวัดสระบุรี ซึ่งกรมการปกครองตรวจสอบพบและอยู่ระหว่างดำเนินคดีกับกลุ่มนายหน้าดังกล่าว โดยได้ขออนุมัติศาลออกหมายจับบุคคลต่างด้าวที่สวมตัวเป็นคนไทยไปแล้วเกือบสิบราย
จึงขอย้ำว่า ปัจจุบันกรมการปกครอง ได้พัฒนาระบบป้องกันการทุจริตทางทะเบียนราษฎรด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย จึงขอเตือนผู้ที่อาจรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ยินยอมให้ใช้ข้อมูลหรือใช้เอกสารหลักฐานทางทะเบียนอันเป็นเท็จกับขบวนการดังกล่าว หากถูกตรวจพบจะถือว่าเป็นผู้มีเจตนากระทำความผิด และจะต้องถูกดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด