พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมชุดสืบสวนร่วมกันแถลงข่าว การจับกุมชาวจีน มีพฤติการณ์เกี่ยวข้อง ขบวนการลักลอบนำเข้าชุดตรวจ ATK COVID-19 ผิดกฎหมายจากประเทศจีน เข้ามาในประเทศไทยและอยู่ในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย พบหลบซ่อนตัวอยู่แถวบริเวณ เขตบางบอน กรุงเทพมหานคร เจ้าหน้าที่จึงได้จัดกำลังสืบสวนติดตามตัว บุคคลต่างด้าวสัญชาติจีน ดังกล่าว
ขณะที่ชุดจับกุมเฝ้าสังเกตการณ์บริเวณที่เกิดเหตุ พร้อมทั้งสืบสวนหาข่าวเกี่ยวกับขบวนการลักลอบนำเข้า ATK COVID-19 ผิดกฎหมาย พบนายไห่หนิง อายุ 31 ปี สัญชาติจีน แสดงอาการตื่นตระหนก พร้อมกับทำท่าจะรีบขึ้นรถขับออกไป ตำรวจได้เข้าแสดงตัว และขอเอกสารประจำตัวหรือหนังสือเดินทาง และตรวจสอบภายในรถไม่พบสิ่งของผิดกฎหมายแต่อย่างใด
แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบหนังสือเดินทางอย่างละเอียดพบว่า ในหน้า 24 ของหนังสือเดินทางดังกล่าว พบพิรุธของรอยตราประทับการเข้าเมืองและประเภทวีซ่าหลายประการ เช่น เดินทางเข้าในราชอาณาจักร โดยได้รับวีซ่าประเภทท่องเที่ยวและขออนุญาตอยู่ต่อ แต่กลับพบรอยตราประทับขาเข้าอีกครั้ง โดยที่ไม่พบรอยตราประทับการออกนอกราชอาณาจักร ปรากฏในหน้าหนังสือเดินทางของนายไห่หนิงแต่ประการใด
อีกทั้ง ในรอยตราประทับดังกล่าว ยังพบอีกว่า ประเภทวีซ่าที่ระบุในตราประทับขาเข้าเป็น “STN” ซึ่งไม่มีในสารบบประเภทวีซ่าของประเทศไทย และสิ่งผิดปกติอื่นๆ อีกหลายประการ
ตรวจสอบข้อมูลการเดินทางเข้า-ออกด้วยระบบ BIOMETRICS ของ สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองอีกครั้ง พบข้อมูลเพียงว่านายไห่หนิงเดินทางเข้ามาและได้ขออนุญาตอยู่ต่อในราชอาณาจักรจนวันอนุญาตสิ้นสุด และไม่ได้ขออนุญาตอยู่ต่อในราชอาณาจักรอีกแต่ประการใด
นอกจากนี้ยังพบว่านายไห่หนิง ยังเกี่ยวข้องขบวนการลักลอบนำเข้า ATK COVID-19 ผิดกฎหมายอีกด้วย ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้สืบสวนขยายผลต่อไปโดยพบว่าเบื้องต้น พบเป็นขบวนการใหญ่ มีผู้ร่วมเครือข่ายร่วม 10 คนมีทั้งคนไทยและต่างชาติ โดยยังอยู่ในขั้นตอนระหว่างการนำเข้า อย่างไรก็ตามจะต้องขยายผลอย่างละเอียดอีกครั้ง จึงขอเตือนประชาชนการสั่งซื้อออนไลน์ อย่าเห็นแก่สินค้าราคาถูกเพียงอย่างเดียว อาจจะเป็นสินค้าที่ไม่มีมาตรฐาน
เบื้องต้นได้แจ้งข้อกล่าวหา “เป็นคนต่างด้าวได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวอยู่โดยการอนุญาตสิ้นสุด และปลอมและใช้รอยตราประทับของหน่วยงานราชการปลอม” จากนั้น จึงได้นำตัวนายไห่หนิง พร้อมหนังสือเดินทางของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวน สน.ท่าข้าม ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป