14 ตุลาคม 2564 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์ ลงพื้นที่ตรวจสอบร้านเสริมสวย “แพน ซาลอน” ภายในตลาดสดอำเภอหนองกี่ บริเวณโดมลานน้ำพุ หลังจากที่ น.ส.นันท์นภัส เขมรินทร์ธนาทัต อายุ39ปี เจ้าของร้านนำหลักฐานภาพจากกล้องวงจรปิดเข้าแจ้งความ ให้ช่วยติดตามตัวหญิงสาวคนหนึ่งอายุประมาณ40ปี ผิวขาว รูปร่างท้วม เข้ามาใช้บริการทำผม ทำเล็บ ตั้งแต่เวลาประมาณ09.30น. จนถึง 14.00 น. เมื่อวันที่ 13ต.ค.ที่ผ่านมา แล้วไม่ยอมจ่ายเงิน แถมยังออกอุบายขอเข้าห้องน้ำก่อนจะฉกเงินของเจ้าของร้านอีกกว่า 3,000 บาท เผ่นหนี
น.ส.นันท์นภัส เขมรินทร์ธนาทัต หรือแพน เจ้าของร้าน บอกว่า มีผู้หญิงคนหนึ่งรูปร่างท้วมอายุประมาณ 40 ปี เข้ามาที่ร้านช่วงประมาณ 9.30 น เมื่อวานนี้ บอกว่าจะมาใช้บริการ ทำสีผม,ล้างดำ,บำรุงสี,ฟอกสี และทำเล็บ รวมๆแล้วก็ทำเกือบทุกอย่าง ตอนแรกตนบอกไปว่าไม่ว่างเพราะติดลูกค้าที่โทรศัพท์มาจองคิวเองไว้ แต่ผู้หญิงคนดังกล่าวก็ตอบกลับมาว่าไม่เป็นไรเขามีเวลาว่างทั้งวัน บอกว่ารอได้ จากนั้นเมื่อถึงคิวตนก็เป็นคนรับลูกค้ารายนี้ พอเข้ามานั่งทำผมก็เริ่มตีสนิทชวนคุยไปเรื่อย ทั้งบอกว่าแม่ได้สามีใหม่เป็นชาวต่างชาติ จึงจ้างให้ตนเองมาทำสวย แต่ตนไม่อยากจะทำตอนแรกตั้งใจจะทำแค่เล็บอย่างเดียว แต่แม่บังคับให้ทำทั้งผมทั้งเล็บจึงต้องมาทำตามที่แม่สั่ง
จากนั้นยังชวนคุยอีกว่าไม่ชอบแม่ที่มีสามีใหม่เป็นชาวต่างชาติประเทศนี้เลย ซึ่งตอนนั้นตนก็ไม่ได้ฟังว่าแม่ของเขาได้สามีประเทศอะไร พอตนเองทำผมให้เสร็จแล้ว ก็เดินออกจากร้านเสริมสวยมาดูร้านขายเสื้อผ้าซึ่งอยู่ติดกัน เพราะมีลูกค้ามาสแกนโครงการคนละครึ่ง ในจังหวะที่ตนเดินออกมาที่ร้านเสื้อผ้า ลูกค้าคนดังกล่าวก็เดินออกมาอย่างรวดเร็วและหนีหายไปทันทีโดยที่ไม่ได้จ่ายเงินสักบาท
จากนั้นตนจึงรีบเข้าไปดูที่ร้านและดูที่เก็บเงินไว้ปรากฏว่าเงินสดประมาณ 3,000 กว่าบาทที่ได้จากลูกค้าที่มาทำผมหายไป พอไปเปิดกล้องวงจรปิดดู ก็พบว่าหญิงคนดังกล่าวแอบเข้าไปฉกเอาเงินช่วงที่ทำทีขอเข้าห้องน้ำ ซึ่งหากรวมเงินค่าบริการทำผม และเงินที่สาวแสบคนดังกล่าวขโมยไปก็ประมาณ4,000กว่าบาท ก็รู้สึกท้อใจเพราะตนยืนทำผมให้กับลูกค้าคนนี้ตั้งแต่เช้ายันบ่ายจนขาแข็ง นอกจากจะไม่ได้เงินค่าบริการสักบาท ยังมาขโมยเงินซ้ำเติมอีก เชื่อว่าลูกค้าน่าจะตั้งใจมาก่อเหตุแบบนี้และคิดว่าน่าจะเคยทำแบบนี้มาแล้วจนเคยชิน ก็อยากฝากเตือนร้านเสริมสวย หรือร้านค้าทั่วไปว่าให้ระมัดระวังอย่าเชื่อไว้ใจใครจนเกิดไป เพราะเดี๋ยวนี้มิจฉาชีพมาในหลายรูปแบบ ส่วนเคสของตนเองก็ได้นำภาพกล้องวงจรปิดแจ้งความที่ สภ.หนองกี่ แล้วเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยติดตามตัวมาดำเนินคดี จะได้ไม่ต้องไปก่อเหตุสร้างความเดือดร้อนเสียหายให้กับใครอีก
โดย - สุรชัย พิรักษา