svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ภูมิภาค

หัวขโมยฉกมือถือ ด.ญ.วัย14ปี น้องร้องไห้ไม่มีมือถือเรียนออนไลน์

12 ตุลาคม 2564
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

วงจรปิดมัดภาพโจรขโมยมือถือจากหน้ารถจยย.ของเด็กหญิงวัย 14 ปี เมื่อรู้ว่าโทรศัพท์หายถึงกลับร้องไห้ เพราะเครื่องนี้ยายซื้อให้ใช้เรียนออนไลน์ หากซื้อใหม่คงไม่มีเงิน

12 ตุลาคม 2564 มีภาพจากกล้องวงจรปิดหน้าร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่งย่านกลางตัวเมืองชัยภูมิ จับภาพมีชายวัยกลางคน สวมเสื้อยืดสีฟ้า ขี่รถจักรยานยนต์( จยย.) ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ สีน้ำเงิน ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน มาจอดที่หน้าร้านสะดวกซื้อดังกล่าว ก่อนเดินไปยื่นมือเข้าไปในช่องเก็บของที่คอนโซลหน้ารถจักรยานยนต์ยี่ฮอนด้าคลิก สีขาวคาดเขียว ที่จอดอยู่หน้าร้านสะดวกซื้อแล้วรีบกลับขับรถ จยย.ขับหนีออกไปจากหน้าร้านสะดวกซื้ออย่างรวดเร็ว

หัวขโมยฉกมือถือ ด.ญ.วัย14ปี น้องร้องไห้ไม่มีมือถือเรียนออนไลน์
 
และต่อมาเมื่อ ด.ญ.เอ(นามสมมุติ)วัย 14 ปี ซึ่งเป็นเด็กผู้เสียหาย มีภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 300/55  ถ.นนทนาคร ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ชัยภูมิ กลับออกมาจากร้านสะดวกซื้อจะขับรถกลับบ้านหลังเรียนออนไลน์เพิ่งเสร็จมา และมาดูในหน้าคอนโซลรถ จยย.ที่วางโทรศัพท์มือถือไว้ หลังเข้าไม่ซื้อของกินในร้านสะดวกซื้อไม่นานถึง 10 นาที ก็กลับไม่พบโทรศัพท์มือถือของตนเองที่วางไว้ในช่องเก็บของที่คอนโซลหน้ารถ จยย.ตัวเองแล้ว  ถึงกับตกใจว่าโทรศัพท์ของตนน่าจะมีคนมาแอบขโมยไปแล้ว  จึงรีบวิ่งกลับบ้านไปทั้งน้ำตากลับไปบอกคุณยาย นางวรรณพร  นอบไทย อายุ 68 ปี อยู่บ้านเลขที่ 300/55 ถ.นนทนาคร ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ชัยภูมิ ที่อยู่ไม่ไกลจากร้านสะดวกซื้อที่เกิดเหตุมากนัก  และได้พาหลานเดินกลับไปดูที่เกิดเหตุ พร้อมขอดูภาพจากกล้องวงจรปิดจากร้านสะดวกซื้อ ก็พบว่ามีคนมาขโมยโทรศัพท์มือถือของน้องจริง ในช่วงเวลาเกิดเหตุที่ภาพวงจรปิดจับภาพไว้ได้ เมื่อช่วงเวลา 12.35 น.วันนี้

หัวขโมยฉกมือถือ ด.ญ.วัย14ปี น้องร้องไห้ไม่มีมือถือเรียนออนไลน์
 

นางวรรณพร  นอบไทย อายุ 68 ปี ยายของด.ญ.วัย 14 ปี ผู้เสียหายจึงได้รีบพาหลานสาววัย 14 ปี ที่กำลังเรียนอยู่ชั้น ม.2 โรงเรียนเทศบาล 2 ต.ในเมืองชัยภูมิ เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.จิตติพัฒน์  คำรังสี สว.สส.สภ.เมืองชัยภูมิ ว่า หลานสาวเรียนออนไลน์ที่บ้านหลังพักเที่ยงได้ขับขี่จักรยานยนต์ ออกไปซื้อของกินที่ร้านสะดวกซื้อใกล้บ้าน เมื่อช่วงเวลา12.35 น.ของวันนี้(12 ต.ค.64) ได้เอาโทรศัพท์มือถือใส่ไว้ที่ช่องคอนโซลหน้ารถ จยย.ไว้ก่อนเดินเข้าเลือกซื้อของประมาณ 10 นาที ออกมาพบว่าโทรศัพท์มือถือได้หายไปจึงกลับไปบอกยายจึงพากันเข้าแจ้งความให้ช่วยติดตามคนร้ายไว้ที่ สภ.เมืองชัยภูมิ และในภาพที่จับภาพคนร้ายไว้ได้ ทางยายเด็กเองก็รู้ตัวด้วยว่าเป็นใครแล้ว และขอให้รีบนำโทรศัพท์ที่ขโมยไปมาคืนหลานโดยเร็วด้วย เพราะในช่วงนี้ไม่รู้จะไปหาเงินจากไหนมาซื้อให้หลานสาวใช้เรียนออนไลน์ใหม่ในช่วงนี้ได้แล้ว ซึ่งโทรศัพท์เครื่องนี้ก็เหลือเงินก้อนสุดท้ายแล้วซื้อให้หลานก็ราคาประมาณกว่า 4,000 บาท พอให้หลานสาวได้ใช้เรียนออนไลน์ และหลังเกิดน้ำก็ท่วมใหญ่หนักสุดรอบ 50 ปี กลางเมืองทั้งบ้านทรัพย์สินเสื้อผ้าเครื่องใช้ภายในบ้านเสียหายหมดยังไม่มีปัญญาซื้อใหม่แล้ว

หัวขโมยฉกมือถือ ด.ญ.วัย14ปี น้องร้องไห้ไม่มีมือถือเรียนออนไลน์
 

ส่วนน้องเด็กหญิง เอ (นามสมมุติ) อายุ 14 ปี เล่าให้ฟังทั้งน้ำตาว่า วันนี้ตนได้ลืมโทรศัพท์ของตนไว้ที่ช่องใส่ของที่หน้ารถ จยย. และได้ซื้อของจนเสร็จ โดยใช้เวลาประมาณ 10 นาที เมื่อออกมาจากร้านค้า กำลังจะขับรถกลับบ้าน เลยนึกขึ้นได้ว่าตนลืมโทรศัพท์มือถือไว้ที่ช่องเก็บของหน้ารถ เลยค้นหาในช่องเก็บของรถจักรยานยนต์ที่ตนได้เก็บโทรศัพท์มือถือไว้  แต่ไม่พบโทรศัพท์ของตน เลยรีบวิ่งกลับบ้านเพื่อไปบอกยายทันที เพราะเสียดายมากที่โทรศัพท์เครื่องนี้ยายเป็นคนซื้อให้ เพื่อใช้เรียนเรียนออนไลน์อยู่บ้านในช่วงโควิด-19 ระบาด โรงเรียนไม่เปิด หลังจากนั้นยายเลยพาหลานกลับมาที่ร้านสะดวกซื้อ เพื่อขอดูกล้องวงจรปิด หลังจากได้ดูกล้องวงจรปิด พบ ชายใส่เสื้อสีฟ้า ขี่รถมอเตอร์ไซค์ ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ สีน้ำเงิน เข้ามาจอดข้างรถของตน พร้อมฉวยโอกาสได้ยื่นมือเข้าไปในช่องเก็บของรถจักรยานยนต์ แล้วหยิบขโมยโทรศัพท์มือถือในช่องเก็บของแล้วขับรถออกไปอย่างหน้าตาเฉย และรู้สึกเสียใจหายและอยากให้คนขโมยไปรีบนำโทรศัพท์มาคืนเพราะไม่รู้จะมีโทรศัพท์มาเรียนออนไลน์ต่อได้อย่างไรอีกแล้ว

หัวขโมยฉกมือถือ ด.ญ.วัย14ปี น้องร้องไห้ไม่มีมือถือเรียนออนไลน์
 
ทางด้านพ.ต.ท.จิตติพัฒน์  คำรังสี สว.สส.สภ.เมืองชัยภูมิ หลังรับแจ้งจึงประสานกับร้านสะดวกซื้อขอภาพจากกล้องวงจรปิดจึงได้เบาะแสของคนร้ายรายนี้ที่แน่ชัดเพิ่มเติมโดยละเอียดแล้ว ซึ่งรู้ตัวว่าเป็นใครแล้ว ซึ่งจะได้ติดตามหาตัวคนร้ายจากภาพกล้องวงจรปิดหน้าร้านสะดวกซื้อรายนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเร็วได้ไม่ยากต่อไป ซึ่งก็รู้ตัวผู้ก่อเหตุรายนี้แล้ว ซึ่งแม้ทั้งยายและหลานจะไม่เอาเรื่องก็ตามก็ถือว่ามีความผิดตามกฏหมายไปแล้ว หากรีบนำมาคืนก็จะเป็นส่วนที่ช่วยบรรเทาโทษลดลงได้บ้าง
 

โดย -  สุทธิพงศ์  เสฎฐรังสี 

logoline