เมื่อเวลา 16.00 น.ของวันที่ 12 ตุลาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีที่มีแก๊งเสื้อฮู้ดกว่า 50 คน ก่อเหตุตระเวนทำร้ายร่างกายวัยรุ่นและประชาชน ในพื้นที่อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งหมด 6 คน ก่อนจะแยกย้ายกันหลบหนี และภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบว่ากลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุเป็นกลุ่มที่อยู่ในพื้นที่ จ.ลำพูน รวมถึงเป็นสมาชิกแก๊งซีซ่า แก๊งวัยรุ่นขนาดใหญ่ใน จ.ลำพูน ที่มักจะก่อเหตุป่วนเมืองหลายครั้ง และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้แล้ว 2 คน คือนายแบม (นามสมมุติ) อายุ 16 ปี และนายโอ๊ต (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี เบื้องต้นผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธ เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการขยายผลจับกุมเพิ่มเติม
ล่าสุดได้มีผู้เสียหายเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.สันป่าตอง เพื่อให้การเพิ่มเติมและชี้ตัวผู้ก่อเหตุ โดยระบุว่าในวันเกิดเหตุผู้ต้องหา 1 ใน 2 คน มีการชิงทรัพย์เอาโทรศัพท์สมาร์ทโฟนของผู้เสียหายไปในวันเกิดเหตุไป 1 เครื่อง โดยผู้เสียหายคือ น้องบี (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี
โดยน้องบี (นามสมมุติ) เล่าว่า ในวันเกิดเหตุเป็นคืนวันที่ 8 ตุลาคม 2564 ก่อนคืนที่จะเป็นข่าว 1 วัน ขณะนั้นเวลาประมาณ 23.00 น. ได้ขับรถจักรยานยนต์ไปกับเพื่อน 5 คน รถจักรยานยนต์ 2 คัน วัยรุ่นกลุ่มดังกล่าวได้ขับรถตามหลังมาจนถึงแยกแม่ขาน-ท่าวังพร้าว ต.บ้านกลาง อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ เพื่อนที่มาด้วยกันโดนถีบรถให้ล้มแล้วกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวได้ลงไปรุมทำร้ายร่างกายเพื่อน ตนเองจึงจอดรถถ่ายคลิป เพื่อเป็นหลักฐานว่าเพื่อนถูกร้าย แต่กลุ่มคนร้ายได้มีการเข้ามาจะทำร้ายตนเอง
ประกอบกับเพื่อนผู้ชายที่ไปด้วยกันตั้งหลักได้ จึงพยายามจะหนี แต่กลุ่มคนร้ายตามทัน ได้มีการคว้าโทรศัพท์ไปจากมือ ส่วนเพื่อนอีกคนถูกคว้ากระเป๋า ก่อนจะขับรถจักรยานยนต์หลบหนีไป ตนเองจำหน้าได้ว่าคนร้ายเป็นใคร และเป็น 1 ใน 2 ผู้ต้องหาที่ตำรวจจับได้ในวันนี้ แต่ยืนยันว่าทั้ง 2 คนไปด้วยกัน โทรศัพท์สมาร์ทโฟนที่คนร้ายเอาไปคือ ยี่ห้อหัวเหว่ย และเพื่อนของตนเอง คือ โทรศัพท์ไอโฟน อยากจะให้ตำรวจดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เพราะตนเองหวาดกลัวมากในขณะนี้ และโทรศัพท์มือถือก็ยังไม่ได้คืน
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า หลังจาการสอบสวนเสร็จสิ้น พนักงานสอบสวน สภ.สันป่าตอง ขออำนาจศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดเชียงใหม่ ฝากควบคุมตัวไว้ที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อรอการตัดสินของศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดเชียงใหม่ รวมถึงขยายผลจับกุมผู้ต้องหาเพิ่มเติม โดยพบว่าผู้ต้องหาและผู้ปกครองมีสีหน้าอย่าเคร่งเครียด
โดย เกรียงไกร รัตนา / ศูนย์ข่าวภาคเหนือ