svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"ซูเปอร์โพล"เผยประชาชนพอใจรัฐฉีดวัคซีนเด็ก

09 ตุลาคม 2564
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"สำนักวิจัยซูเปอร์โพล" เผยประชาชน 94 เปอร์เซ็นต์ สนับสนุนรัฐบาลจัดหาวัคซีนฉีดให้เด็กและเยาวชน ขณะที่ 94.2 เปอร์เซ็นต์ ต้องการให้ปรับเกณฑ์การประเมินเพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา

9 ตุลาคม 2564 สำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็น เรื่อง “ประชาชนคิดอย่างไรต่อวัคซีนในเด็ก” จากการศึกษา 1,102 กลุ่มตัวอย่างทั่วประเทศ ทุกสาขาอาชีพ ระหว่างวันที่ 5-8 ต.ค. ที่ผ่านมา

 

โดยส่วนใหญ่ร้อยละ 94.1 ต้องการวัคซีนที่มีคุณภาพและปลอดภัยต่อเด็ก ผ่านมาตรฐานรับรองจากองค์การอนามัยโลก และมีผลกระทบต่อสุขภาพเด็กน้อยที่สุด ขณะที่ร้อยละ 90.7 เห็นว่าเป็นเรื่องจำเป็น ที่รัฐบาลต้องจัดหาวัคซีนเร่งฉีดให้เด็กครบและเร็วที่สุด ก่อนเปิดเทอม

 

ทั้งนี้ ประเด็นน่าพิจารณา คือ เมื่อถามถึงความคิดเห็นต่อการเปิดเทอมของเด็กหลังวัคซีน พบว่าร้อยละ 94.2 ต้องการให้มีการปรับเกณฑ์การประเมินผลการเรียนของเด็ก ลดความเหลื่อมล้ำในกลุ่มเด็กที่มีฐานะแตกต่างกัน ให้เด็กได้เข้าสู่ระบบการศึกษาปกติ 

 

"ซูเปอร์โพล"เผยประชาชนพอใจรัฐฉีดวัคซีนเด็ก

ส่วนร้อยละ 93.0 ต้องการให้เปิดพื้นที่ให้เด็กแสดงออกถึง พลังบวก สร้างสรรค์ เช่น ดนตรี กีฬา ศิลปะ เทคโนโลยี  อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 91.2 กังวลมาตรการควบคุมโรค และการดูแล ระหว่างการเรียนการสอนและทำกิจกรรม

 

นอกจากนี้ ร้อยละ 93.6 พอใจที่เด็กและเยาวชนปลอดภัยจากโควิด สามารถกลับมาใช้ชีวิตปกติ ส่วนร้อยละ 93.5 พอใจที่เด็กและเยาวชนได้กลับโรงเรียนและสถานศึกษาได้ปกติ เรียนรู้นอกบ้าน ได้ใช้ชีวิตในช่วงที่ขาดหายไป และร้อยละ 91.4 พอใจรัฐบาล ที่เห็นความสำคัญของการศึกษาและช่วยเร่งจัดหาวัคซีนให้เด็กได้รับ ลดความกังวลและแบ่งเบาภาระของผู้ปกครอง ตามลำดับ

โดย ผศ.ดร.นพดล กรรณิกา ผอ.สำนักวิจัยซูเปอร์โพล กล่าวว่า ผลโพลนี้ชี้ให้เห็นว่าวิกฤตโควิด เริ่มคลี่คลายลง เมื่อการเร่งจัดหาและการกระจายวัคซีนสามารถครอบคลุมประชากรในทุกกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น โดยเฉพาะเด็กและเยาวชน ผลที่ตามมาคือ ความพอใจของประชาชน ต่อความปลอดภัยของชีวิตบุตรหลานเด็กและเยาวชนทั่วประเทศมากขึ้น ช่วยลดแรงกดดันรัฐบาล 

 

ผศ.ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล

 

อย่างไรก็ตาม ความต้องการและความกังวลของประชาชนในด้านอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง จำเป็นต้องได้รับการตอบสนองและป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นตามมา เช่น มาตรการควบคุมโรค คุณภาพของวัคซีน โดยเฉพาะการปรับเกณฑ์ประเมินผลการเรียนของเด็กที่ยังคงมีความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงการศึกษา จากฐานะทางเศรษฐกิจและสังคมที่แตกต่างกัน

 

นอกจากนี้ การเปิดพื้นที่ให้เด็กและเยาวชน ปลดปล่อยพลังทางบวกเชิงสร้างสรรค์ต่อตนเองและสังคมเป็นเรื่องสำคัญอันดับต้นๆ ที่รัฐบาลควรนำและดึงภาคเอกชนร่วมให้ความสำคัญมากขึ้น โดยทุ่มเททรัพยากรส่งเสริมเด็กและเยาวชนให้ได้มีพื้นที่แสดงออกในวงกว้างอย่างสร้างสรรค์และหลากหลาย เช่น ดนตรี ศิลปะ กีฬาและเทคโนโลยี ร่วมกับการมีส่วนร่วมรับผิดชอบสังคมไปพร้อมกัน ด้วยความเข้าใจ ซึ่งจะช่วยลดความเครียดทางสังคมและพื้นที่ความขัดแย้งทางการเมืองลง

 

logoline