รัฐบาลอินเดียเปิดเผยเมื่อวันศุกร์ ( 8 ตุลาคม ) ว่า "ทาทา ซันส์" กลุ่มบริษัทที่เก่าแก่ที่สุดและใหญ่ที่สุดของอินเดีย กลับมาควบคุมสายการบิน "แอร์ อินเดีย" อีกครั้ง หลังจากที่ประมูลมันไปเป็นมูลค่ารวม 2 พัน 400 ล้านดอลลาร์ ซึ่งรวมทั้งหนี้สินด้วย งานนี้ถือเป็นจุดสิ้นสุดของการต่อสู้มานานหลายปีเรื่องการแปรรูปสายการบินที่เจอปัญหาทางการเงินอย่างหนักหน่วง
การขายสายการบินประจำชาติที่ประสบความสูญเสียทางการเงิน ถือเป็นชัยชนะครั้งสำคัญสำหรับนายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมดี เนื่องจากผู้เสียภาษีชาวอินเดีย ต้องเจียดเงินภาษีโดยเฉลี่ยเกือบ 3 ล้านดอลลาร์ต่อวันในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา เพื่อนำมาอุ้มสายการบิน นอกจากนี้ เรื่องนี้ก็ยังเป็นลางดีสำหรับแผนการขายหุ้นของบริษัทของรัฐอีกหลายแห่งที่รัฐบาลต้องทุ่มเงินจำนวนมากเพื่อที่จะอุ้ม การปล่อยบริษัทเหล่านี้ออกไป จะทำให้อินเดียกลายเป็นเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยตลาดอย่างเต็มที่
ทูฮิน กันตา ปานเดย์ รัฐมนตรีกระทรวงการลงทุนและการจัดการสินทรัพย์สาธารณบอกว่าบริษัท "ทาเลซ พีวีที จำกัด" ซึ่งเป็นหน่วยงานหนึ่งของ "ทาทา ซันส์" ซึ่งเป็นบริษัทโฮลดิ้งที่ทำธุรกิจยานยนต์จนถึงเหล็กกล้าของ "ทาทา" เป็นเจ้าของบริษัทผู้ผลิตรถหรูชื่อดังอย่าง Jaguar Land Rover จะเข้าถือหุ้นทั้ง 100% ของสายการบินแอร์ อินเดีย
ข้อตกลงดังกล่าวซึ่งคาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในสิ้นปีนี้ จะส่งผลให้สายการบิน "แอร์อินเดีย" กลับมาอยู่ในมือของกลุ่มบริษัทที่ก่อตั้งมันขึ้นมาในปี 2475 ในฐานะสายการบิน "ทาทา แอร์ไลน์" ก่อนที่ทางการจะเอามาเป็นของรัฐบาลในปี 2496
ในราคาเสนอซื้อ ก็รวมถึงการที่ "ทาทา" จะรับภารระหนี้รวม 2 พันล้านดอลลาร์ของแอร์อินเดีย จากทั้งหมด 8 พัน 200 ล้านดอลลาร์ ทำให้ทางการได้เงินจากการขายครั้งนี้แค่ 400 ล้านดอลลาร์
สำหรับสไปซ์เจ็ต เสนอประมาณมาแค่ 2 พันล้าน เลยแพ้การประมูล
สำหรับทาทานั้น ตอนนี้กวาดเอาบริษัทต่าง ๆ มาอยู่ในอาณาจักรเกือบ 100 บริษัทแล้ว
ตอนที่รัฐบาลเอาสายการบินออกมาขายในปี 2561 ปรากฏว่าไม่มีใครสนใจประมูล