เพจเฟซบุ๊ก “สถานเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย” โพสต์ข้อความว่า ข่าวดี! ประเทศไทยหลุดออกจากประเทศกลุ่มสีแดง (Red List Countries) ของอังกฤษแล้ว และผู้ที่ฉีดวัคซีนบางชนิด จะได้รับยกเว้นไม่ต้องกักตัว เริ่มมีผลตั้งแต่ 4.00 น.วันจันทร์ที่ 11 ต.ค.เป็นต้นไป
ผู้ที่เดินทางจากประเทศไทยถึงอังกฤษ หลังเวลา 04.00 น.ของวันที่ 11 ต.ค.เป็นต้นไป มีข้อปฏิบัติดังนี้
หากท่าน "ได้รับวัคซีนครบโดส" (ตามเงื่อนไขด้านล่าง) หรือมีอายุต่ำกว่า 18 ปี ไม่จำเป็นต้องตรวจเชื้อก่อนเดินทาง หรือกักตัวหลังเดินทางถึงอังกฤษ แต่ต้องปฏิบัติดังนี้
-รับการตรวจหาเชื้อในวันที่ 2 หลังเดินทางถึงอังกฤษ โดยจองและชำระเงินค่าตรวจได้ตั้งแต่ก่อนเดินทาง
-กรอก Passenger Locator Form ภายใน 48 ชั่วโมงก่อนเดินทาง
อ่านรายละเอียดที่นี่ (คลิก)
ต้องได้รับวัคซีนแบบใด จึงจะถือว่า "ได้รับวัคซีนครบโดส" ท่านต้องได้รับวัคซีนชนิดในชนิดหนึ่งดังต่อไปนี้ ภายใน 14 วันก่อนเดินทาง
-Oxford/AstraZeneca
-Pfizer BioNTech
-Moderna
-Janssen
ท่านสามารถฉีดวัคซีน 4 ชนิดข้างต้นแบบผสม (ไขว้สูตร) ได้ แต่หากเป็นชนิดอื่นที่ไม่ได้ระบุไว้ เช่น Sinovac - AstraZeneca นั้น ท่านสามารถเข้าอังกฤษได้โดยปฏิบัติตามกฎสำหรับผู้ที่ยังฉีดวัคซีนไม่ครบแทน (Not fully Vaccinated)
ผู้เดินทางที่ฉีดวัคซีนครบแล้วจำเป็นต้องมีหลักฐานในการฉีดวัคซีนซึ่งออกโดยหน่วยงานรัฐ ซึ่งระบุ ชื่อ-นามสกุล วันเกิด ชนิดวัคซีนและผู้ผลิตวัคซีนนั้น เป็นภาษาอังกฤษ
*สหราชอาณาจักรกำลังดำเนินการเพื่อรับรองวัคซีนชนิดอื่น ๆ ต่อไป หากมีการเปลี่ยนแปลงเราจะแจ้งให้ทราบในเพจนี้ค่ะ*
อ่านรายละเอียดเกี่ยวกับวัคซีนได้ที่ (คลิก)
สำหรับผู้เดินทางที่ยังถือว่าฉีดวัคซีนไม่ครบนั้น ยังจำเป็นต้องมีผลตรวจหาเชื้อก่อนบิน รับการตรวจหลังเดินทางถึงสหราชอาณาจักรในวันที่ 2 และ 8 รวมถึงกักตัวด้วยตนเองเป็นเวลา 10 วัน (สามารถขอ Test to Release เพื่อออกจากการกักตัวในวันที่ 5 ได้)
อ่านข้อปฏิบัติโดยละเอียดสำหรับผู้ที่ "ฉีดวัคซีนไม่ครบโดส" ได้ที่นี่ (คลิก)
หากมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูล ทางสถานทูตจะแจ้งให้ทราบโดยทั่วกันผ่านเพจนี้ และ “UKinThailand” โดยตรง สามารถอ่านประกาศเต็มได้ที่ (คลิก) (คลิก)
หากท่านจะเดินทางไปสกอตแลนด์ อ่านคำแนะนำที่ (คลิก)
หากท่านจะเดินทางไปไอร์แลนด์เหนือ อ่านคำแนะนำที่ (คลิก)
หากท่านจะเดินทางไปเวลส์ อ่านคำแนะนำที่ (คลิก)