ในรัฐเท็กซัสที่เป็นศูนย์กลางของการประท้วงทั่วประเทศ มีผู้ชุมนุมรวมตัวในเมืองออสติน เมืองเอกของรัฐเพื่อประณามกฎหมายที่เกรก แอบบอตต์ ผู้ว่าการรัฐเท็กซัส ลงนามให้มีผลบังคับใช้เมื่อต้นเดือน ก.ย. กฎหมายฉบับนี้ห้ามการทำแท้งเมื่อสามารถตรวจจับการเต้นของหัวใจจากตัวอ่อน ซึ่งเป็นช่วงที่สตรีมีอายุครรภ์ราว 6 สัปดาห์ แต่ผู้เชี่ยวชาญแย้งว่า ในช่วงเวลาดังกล่าวผู้หญิงส่วนใหญ่ยังไม่รู้ตัวว่าตั้งครรภ์ และการทำแท้งมากกว่า 85-90% จะเกิดขึ้นหลังอายุครรภ์เกิน 6 สัปดาห์แล้ว
กฎหมายดังกล่าวจุดชนวนให้มีการประท้วงมากเกือบ 660 แห่งทั่วประเทศ รวมทั้งในนครนิวยอร์ก และกรุงวอชิงตันดีซีเมื่อวานนี้เพื่อสนับสนุนสิทธิการทำแท้ง เพราะกลัวว่าอาจมีการออกกฎหมายคล้ายกันในรัฐอื่นๆตามมา ผู้ประท้วงย้ำว่า การทำแท้งเป็นเรื่องของสิทธิและการตัดสินใจส่วนบุคคล และกฎหมายของรัฐเท็กซัสขัดต่อรัฐธรรมนูญ
การเคลื่อนไหวล่าสุดนี้มีขึ้นในขณะที่ศาลฎีกาสหรัฐฯในรัฐมิสซิสซิปปีจะมีคำตัดสินในเดือน ธ.ค. ที่อาจล้มคำตัดสินครั้งประวัติศาสตร์ในคดี โรกับเวด ในปี 2516 ซึ่งทำให้ผู้หญิงทั่วสหรัฐฯมีสิทธิทำแท้งได้อย่างถูกกฎหมาย
นอกจากนี้ผู้ประท้วงบางส่วนเดินขบวนผ่านโรงแรมทรัมป์ อินเตอร์แนชันแนลเพื่อมุ่งหน้าไปศาลฎีกาในกรุงวอชิงตันดีซีเพื่อประณามอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่มีการแต่งตั้งผู้พิพากษาหัวอนุรักษ์เข้าสู่ศาลฎีกาของสหรัฐฯจนสามารถคุมเสียงข้างมากในศาล
ขณะที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน กล่าวเมื่อวันศุกร์เรียกร้องให้ผู้พิพากษาของศาลสหรัฐฯยับยั้งกฎหมายห้ามทำแท้งในรัฐเท็กซัส