3 ตุลาคม 2564 ตามที่กระทรวงศึกษาธิการมีนโยบายฉีดวัคซีนให้กับเด็กนักเรียนที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไป เพื่อเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันโควิด-19 และหวังให้เด็กกลับมาเรียนตามปกติให้ได้เร็วที่สุด เพื่อสะท้อนความคิดเห็นของประชาชนที่มีบุตรหลานอยู่ในวัยเรียน
สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชนที่มีบุตรหลานในวัยเรียนทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 1,089 คน (สำรวจทางออนไลน์) ระหว่างวันที่ 27-30 กันยายน 2564 สรุปผล ได้ ดังนี้
1. ประชาชนพร้อมให้บุตรหลานไปฉีดวัคซีนหรือไม่
2. ประชาชนมีความเชื่อมั่นต่อประสิทธิภาพของวัคซีนที่จะฉีดให้กับเยาวชนอายุ 12-17 ปีหรือไม่
3. ประชาชนคิดว่าการฉีดวัคซีนให้กับเยาวชนอายุ 12-17 ปี มีผลดีหรือผลเสียมากกว่ากัน
4. เรื่องใดที่ประชาชนเป็นห่วงสำหรับการฉีดวัคซีนให้กับเยาวชนอายุ 12-17 ปี
5. ประชาชนอยากให้รัฐจัดการการฉีดวัคซีนแบบใด
6. ประชาชนเห็นด้วยหรือไม่กับการฉีดวัคซีนให้เยาวชนอายุ 12-17 ปี เพื่อให้สามารถไปเรียนที่โรงเรียนได้ตามปกติ
อาจารย์ ดร.รุ่งนภา ป้องเกียรติชัย ประธานกรรมการบริหารหลักสูตรพยาบาลศาสตร์ คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เปิดเผยว่า จากผลการสำรวจพบว่าประชาชนมีความพร้อมที่จะให้บุตรหลานเข้ารับวัคซีน อาจเนื่องจากความเชื่อมั่นในการป้องกันอาการรุนแรงจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19
ประกอบกับข้อมูลที่พบว่าหลายประเทศได้เริ่มมีการฉีดให้กับเด็กในวัยนี้ จึงทำให้เห็นว่ามีผลดีมากกว่าผลเสีย โดยเฉพาะเรื่องการเปิดโรงเรียนเพื่อเรียนได้ตามปกติ
แต่อย่างไรก็ตามจากผลการสำรวจพบว่า ประชาชนยังกังวลเกี่ยวกับอาการข้างเคียงของการได้รับวัคซีน เนื่องจากข้อมูลเกี่ยวกับผลข้างเคียงที่จะเกิดในเด็กที่ได้รับวัคซีนแล้ว อาจยังมีค่อนข้างน้อย และสำหรับประเทศไทยเพิ่งเริ่มต้นในการฉีดวัคซีนให้กับเด็กกลุ่มนี้ ข้อมูลยังไม่เพียงพอที่จะทำให้ประชาชนมั่นใจ หรือลดความเป็นห่วง
ทั้งนี้การสร้างการรับรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับประโยชน์ของการฉีดวัคชีน รวมถึงวิธีการปฏิบัติตัวก่อนและหลังรับวัคซีน และข้อมูลเกี่ยวกับอาการข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นหลังจากได้รับวัคชีนจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ เช่น กระทรวงสาธารณสุข กรมควบคุมโรค เป็นต้น จะช่วยลดความกังวลลงได้
ที่มา : สวนดุสิตโพล