จากกรณีข่าวดัง เด็กชายวัย 12 ปี เสียชีวิตหลังฉีดวัคซีนไฟเซอร์ ในกรุงเทพมหานคร ทางด้าน นพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค ระบุว่าจากการตรวจสอบ กรณีดังกล่าวเป็นเด็กชายอายุ 12 ปี พื้นที่ กทม. มีโรคเบาหวานชนิดแต่กำเนิด เดิมอาศัยกับแม่สองคน แข็งแรงดี เป็นเบาหวานแต่กำเนิด รักษาด้วยการฉีดอินซูลิน ฉีดเอง 3 เวลา รักษาต่อเนื่องที่ รพ.รามาธิบดี
โดยฉีดวัคซีนไฟเซอร์วันที่ 14 ก.ค. 2564 ซึ่งเป็นการให้ฉีดในเด็กที่มีโรคเรื้อรังประจำตัว ต่อมาวันที่ 12 ส.ค. 2564 ผู้ป่วยเริ่มมีอาการคลื่นไส้อาเจียน กินข้าวได้น้อย ไม่มีอาการมือสั่นใจสั่น ไม่ซึม ไม่เจ็บหน้าอก ไม่มีเหนื่อยง่าย ไม่มีไข้ ซึ่งเกิดห่างถึง 3 สัปดาห์จากวันที่ฉีดวัคซีน
“เช้าวันที่ 13 ส.ค. พบว่านอนไม่รู้สึกตัว จึงตามเจ้าหน้าที่ช่วยทำกู้ชีพซีพีอาร์นำส่ง รพ. แต่เสียชีวิตลงก่อนถึง รพ. มีการตรวจศพวันที่ 14 ส.ค. และตรวจละเอียดเพิ่มเติม ข้อสรุปที่อยากมาเรียน เพราะเวลาออกข่าว คนเข้าใจว่าหลังฉีดเสียชีวิต แต่ข้อเท็จจริง เราพบว่าตรวจชิ้นเนื้อไม่พบการอักเสบที่กล้ามเนื้อหัวใจ พบระดับน้ำตาลในสารน้ำลูกตาสูงมากกว่า 700 สาเหตุการตาย สันนิษฐานว่า เป็นภาวะแทรกซ้อนจากเบาหวานเรื้อรัง” นพ.เฉวตสรรกล่าว
โดยสรุป ไม่ได้เกิดขึ้นจากวัคซีน ซึ่งกรณีเด็กชาย 12 ปี ป่วย มีโรคเบาหวานตั้งแต่กำเนิด ฉีดอินซูลินเข้าร่างกาย 3 เวลา เป็นผู้ป่วยต่อเนื่องของ รพ.รามาธิบดี รับวัคซีนไฟเซอร์เข็มแรกเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม โดยเริ่มมีอาการผิกปกติเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม มีคลื่นไส้ อาเจียน รับประทานอาหารได้น้อย แต่ไม่มีอาการมือสั่น ใจสั่น ไม่มีไข้ ไม่เจ็บหน้าอก ไม่เหนื่อยง่าย
ซึ่งระยะห่างจากการฉีดวัคซีนมา 3 สัปดาห์ พบว่าในวันที่ 13 สิงหาคม เสียชีวิต ต่อมาวันที่ 14 สิงหาคม จากการตรวจชิ้นเนื้อ สาเหตุการเสียชีวิต ไม่พบภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ แต่พบว่ามีระดับสารน้ำในลูกตาสูงมาก จึงไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับวัคซีน
ข้อมูลจาก : กรมควบคุมโรค
ภาพจาก : กรมควบคุมโรค