1 ตุลาคม 2564 น.ส.ภัทรจิตต์ ชาวจ.ขอนแก่น พร้อมทนายความกลุ่มทนายใจดีขอนแก่น เดินทางไปที่สภ.เมืองขอนแก่น เพื่อแจ้งความกับ พ.ต.ท.พิบูรณ เจริญสุข สว.(สอบสวน) สภ.เมืองขอนแก่น ว่า ผู้แจ้ง ได้ร่วมออมเงินกับผู้ใช้เฟสบุ๊คชื่อ "ซ้อปลา มาดามลูกเหนียง" โดยอ้างว่าได้ผลตอบแทนในอัตราที่สูง
โดยผู้แจ้งได้โอนเงินร่วมออม จากบัญชีของผู้แจ้งไปยังบัญชีของ ซ้อปลา หรือ น.ส.กมลวรณ ปิ่นทองพันธ์ และได้โอนจากบัญชีของผู้แจ้งไปยังบัญชีของนายจตุพล ปิ่นทองพันธ์ จำนวนหลายครั้งรวมเป็นจำนวนเงินที่เสียหาย1,509,900 บาท
เหยื่อซ้อปลา เข้าขอความช่วยเหลือจากทีมทนายความกลุ่มทนายใจดีขอนแก่น
ต่อมาก็ไม่ได้ผลตอบแทนดังอ้างจึงเชื่อว่าถูกหลอกเป็นเหตุให้ได้รับความเสียหาย จึงมาแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีในความผิดฐานฉ้อโกงตามกฎหมายต่อไป
เหตุเกิดที่ ต.ในเมือง อ.เมืองขอนแก่น จ.ขอนแก่น เมื่อวันที่ 27 มิ.ย.-25 ก.ย. 2564 และจะได้ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
เหยื่อซ้อปลา เข้าขอความช่วยเหลือจากทีมทนายความกลุ่มทนายใจดีขอนแก่น
ก่อนหน้านี้ (29 ก.ย.64) ทีมทนายใจดี นำผู้เสียหายจากแชร์ซ้อปลา ออมเงินซ้อปลา 72 ราย แจ้งความร้องทุกข์ต่อผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา พร้อมรายชื่อผู้เสียหาย หนังสือแจ้งความร้องทุกข์ ระบุว่า ผู้เสียหายทั้ง 72 คน ขอร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน กล่าวหา น.ส.กมลวรรณ ปิ่นทองพันธ์ หรือซ้อปลา และนายจตุพล ปิ่นทองพันธ์ กับพวก ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกง หรือฉ้อโกงประชาชน พระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์และหรือข้อหาอื่นที่เกี่ยวข้อง
โดยมีการกระทำความผิดดังนี้ คือ น.ส.กมลวรรณ กับพวก ได้เปิดเฟซบุ๊ก ชื่อว่า “ซ้อปลา มาดามลูกเหนียง บ้านแชร์ท้าวปลา มาดามลูกเหนียง ออเดอร์ บ้านช้อปลา เลขาบ้านแชร์ช้อปลา และลูกหนี้ บ้านอีซ้อปลา" ได้เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าไปร่วมธุรกิจการขายสินค้าออนไลน์ ซื้อสินค้าออนไลน์จำพวกเครื่องสำอางค์ เป็นต้น
และมีการเชิญชวนให้ร่วมออมเงินปันผลกำไรสูง ร้อยละ 20 ต่อเดือน ร่วมตั้งวงแชร์จำนวนเกินกว่า 3 วง ตั้งแต่วงละหลักหมื่นถึงหลักหลายแสนบาท อีกทั้งยังมีบริการให้กู้ยืมเงินอีกด้วย
ผู้เสียหาย ทราบว่ามีการลงทุนของ น.ส.กมลวรรณ หรือ ซ้อปลา กับพวกทางโซเชียลจึงเข้าไปเป็นเพื่อนในเฟซบุ๊ก และหลงเชื่อในการหลอกลวงดังกล่าวจึงได้ออมเงิน และรวมไปถึงการเข้าร่วมวงแชร์ต่างๆ โดยโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของน.ส.กมลวรรณ และนายจตุพล ซึ่งแรกๆ ก็ได้มีผลตอบแทนตามที่โฆษณาไว้แต่ได้สักระยะหนึ่งก็เริ่มมีการปันผลหรือไม่อาจเปียแชร์ที่ลงไว้ได้ แต่อย่างใด
ต่อมา ราวปลายเดือนก.ย.64 ผู้เสียหาย ใช้สิทธิขอถอนเงินออมพร้อมเงินปันผลตลอดจนของเปียแชร์ที่เล่น ไว้ แต่ก็ไม่ได้รับเงินออมและเงินปันผลคืน ทั้งไม่ใด้รับการเปียแซร์เลยโดยอ้างว่ามีคนเปียไปก่อนแล้ว
ผู้เสียหาย ได้ติดตามทวงถามขอถอนเงินออมและขอคืนเงินจากวงแซร์ซ้อปลา จากน.ส.กมลวรรณ กับพวกแล้วแต่ก็ ได้รับการเพิกเฉย จนในวันที่ 28 ก.ย.64 ได้ติดตามทวงถามที่บ้านของ น.ส.กมลวรรณ ก็ได้รับคำตอบว่าไม่มีเงินให้ถอนและ ไม่มีเงินคืนให้แล้ว
ผู้เสียหาย จึงเชื่อโดยสุจริตใจว่าน.ส.กมลวรรณ หรือซ้อปลา กับพวก ร่วมกันนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ โฆษณาผ่านแอฟพลิเคชั่นเฟซบุ๊ก หลอกลวงให้ข้าพเจ้าทั้งหลายหลงเชื่อให้ร่วมออมเงินและเล่นแซร์ ล่อลวงว่ามีผลตอบแทนสูงและเป็นวงแชร์ที่มีอยู่จริง เพื่อให้ได้ไปซึ่งเงินอันเป็นทรัพย์สินของผู้เสียหาย ทำให้เสียหายเป็นเงินร่วม 20 ล้านบาท
ผู้เสียหาย จึงขอร้องทุกข์กล่าวโทษต่อท่านและต่อพนักงานสอบสวน เพื่อให้ติดตาม น.ส.กมลวรรณ หรือซ้อปลา กับพวก มาดำเนินคดีตามกฎหมายตามความผิดที่ได้ก่อไว้จนถึงที่สุด