เกษตรกรอินเดียยกระดับการประท้วงด้วยการนัดหยุดงานประท้วงทั่วประเทศในวันครบรอบ 1 ปีที่กฎหมายปฏิรูปภาคเกษตรกรรมผ่านการอนุมัติในรัฐสภา และการประท้วงที่ยืดเยื้อนานเป็นความท้าทายทางการเมืองครั้งใหญ่ที่สุดของนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ที่ได้รับการเลือกตั้งสมัยที่สองเมื่อปี 2562
ผู้ประท้วงรวมตัวปิดกั้นถนนและทางรถไฟหลายจุดทำให้การสัญจรระหว่างกรุงนิวเดลี เมืองหลวง และหลายรัฐใกล้เคียงหยุดชะงัก และตำรวจกระจายกำลังเข้าควบคุมพื้นที่ชุมนุมใหญ่ 3 จุดชานเมืองเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย
แนวร่วมสหภาพเกษตรกรเรียกร้องให้ร้านค้า สำนักงาน โรงงาน และสถาบันอื่นๆร่วมปิดทำการในวันนี้เพื่อร่วมสนับสนุนการหยุดงานประท้วงนาน 10 ชม.ด้วย แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้รับการตอบสนองเท่าที่ควร และธุรกิจส่วนใหญ่ยังคงเปิดทำการหรือเปิดบริการตามปกติ แต่มีสมาชิกของพรรคการเมืองฝ่ายค้านมาร่วมชุมนุมสนับสนุนเกษตรกรด้วย
อย่างไรก็ตามในรัฐปัญจาบและรัฐหรยาณา ซึ่งเป็นแหล่งผลิตทางการเกษตรที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ มีผู้ประท้วงปิดกั้นการจราจรให้หยุดชะงักในบางพื้นที่เช่นกัน ส่วนรัฐพิหาร ก็มีผู้ประท้วงปิดกั้นทางรถไฟด้วย
เกษตรกรหลายหมื่นคนเริ่มชุมนมประท้วงนอกกรุงนิวเดลีตั้งแต่เดือนพ.ย.ปีที่แล้ว และปักหลักชุมนุมนาน 10 เดือนเพื่อคัดค้านกฎหมายใหม่ ที่บังคับใช้เมื่อเดือน ก.ย.ปีที่แล้ว ซึ่งยกเลิกการประกันราคาสินค้าเกษตร และบังคับให้พวกเขาต้องจำหน่ายผลผลิตให้บริษัทเอกชนในราคาถูกแทนการจำหน่ายให้ตลาดค้าส่งของภาครัฐ แต่รัฐบาลยืนยันว่า กฎหมายใหม่มีความจำเป็นเพื่อปรับปรุงเกษตรกรรมให้ทันสมัยและเพิ่มผลผลิตผ่านการลงทุนของเอกชน และในเดือนนี้ มีเกษตรกรชุมนุมในรัฐอุตตระประเทศมากกว่า 5 แสนคน ซึ่งเป็นการชุมนุมใหญ่ที่สุดตลอดเกือบหนึ่งปี
การประท้วงที่ผ่านมาส่วนใหญ่เป็นไปด้วยความสงบสันติ แต่เกิดการปะทะระหว่างผู้ประท้วงและตำรวจที่กรุงนิวเดลีเมื่อเดือนม.ค.ทำให้มีผู้ประท้วงเสียชีวิต 1 รายและตำรวจบาดเจ็บกกว่า 80 นาย
ประชากรเกือบครึ่งหนึ่งจากกว่า 1,300 ล้านคนอยู่ในภาคเกษตรกรรม และรายได้จากเกษตรกรรมคิดเป็นสัดส่วนเกือบ 15% จากมูลค่าทางเศรษฐกิจของประเทศ 2.7 ล้านล้านดอลลาร์