24 กันยายน 2564 เมื่อเวลาประมาณ 08.00 น. ร.ต.อ.ธีรทัศน์ ธรรมรัตน์ ร้อยเวรฯ สภ.รัษฎา รับแจ้งเหตุยิงกัน ในพื้นที่บ้านหนองครก ม.8 ต.หนองปรือ อ.รัษฎา จ.ตรัง หลังรับแจ้งรุดเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สยามร่วมใจปู่อินทร์ แพทย์เวรโรงพยาบาลรัษฎา เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจังหวัดตรัง โดยเจ้าหน้าที่ได้นำเชือกกั้นไม่ให้ผู้เกี่ยวข้องเข้าไปในที่เกิดเหตุ เป็นบ้านไม้ชั้นเดียว ซึ่งเป็นบ้านเลขที่ 26 ม.8 ต.หนองปรือ อ.รัษฎา จ.ตรัง
พบร่างนายสมพงษ์ นิลลออ อายุ 46 ปี ซึ่งเป็นน้องชาย นอนเสียชีวิตที่บริเวณบ้านนายสมพร นิลลออ อายุ 51 ปี ซึ่งเป็นพี่ชาย เลขที่ 26 หมู่ที่ 8 ต.หนองปรือ ในลักษณะนอนหงาย เจ้าหน้าที่ตำรวจและ พิสูจน์หลักฐานตรัง เข้าตรวจสอบในเบื้องตัน ผู้ตายคือนายสมพงษ์ ถูกยิงเข้าที่บริเวณหน้าอก 1 นัด ในเบื้องต้นน่าจะเป็นปืนลูกซอง ร้อยเวรและพิสูจน์หลักฐานได้ทำการตรวจสอบและเก็บพยานวัตถุไว้ทั้งหมด
สำหรับสาเหตุสลดในครั้งนี้นายสัมพันธ์ นิลลออ อายุ 48 ปี ซึ่งเป็นพี่ชายคนกลาง เปิดเผยว่า ตนมีพี่น้อง 3 คน คนก่อเหตุคือนายสมพร นิลลออ ซึ่งเป็นพี่ชายคนโตของบ้าน ส่วนตนเองเป็นคนกลาง และมีนายสมพงษ์ ผู้ตายเป็นน้องชายคนเล็ก โดยสาเหตุความขัดแย้งมาจากเรื่องที่นายสมพงษ์ ผู้ตายได้ทวงคืนที่ดินบริเวณคอกเลี้ยงสุกรที่ทิ้งร้าง โดยนายสมพงษ์ ได้เข้าไปปักรั้วลวดหนามเพื่อจะใช้พื้นที่ตรงนี้ เลี้ยงไก่
โดยมีการปักรั้วเมื่อวานนี้(23 กันยายน 2564) แต่ตกเมื่อคืนนายสมพร พี่ชาย ผู้ก่อเหตุ ได้เข้าทุบทำลายรั้วลวดหนามทั้งหมด เมื่อเช้าตรู่วันนี้ นายสมพงษ์ ได้เดินออกมาจากบ้านห่างจากบ้านนายสมพร ที่เกิดเหตุ ระยะทางประมาณ 300 เมตร เพื่อมาพบนายสมพร แต่เกิดปากเสียงถกเถียงกัน และนายสมพร พี่ชายก็ใช้ปืนยิงนายสมพงษ์ น้องชายจนเสียชีวิต คาดว่าน่าจะเป็นลูกซองยาวที่นายสมพร นำพาติดตัวเวลาไปไหนมาไหนเป็นประจำ"
ทั้งนี้ สำหรับนายสมพงษ์ เคยต้องโทษจากคดียาเสพติด เมื่อพ้นโทษก็ไปบวชพระเพื่อจะกลับตนเป็นคนดี แล้วกลับมาที่บ้านเพื่อจะประกอบอาชีพเลี้ยงไก่ ทำการเกษตร แล้วบอกกับพี่ชายคือนายสมพร แล้วว่าจะเอาที่ดินของตนเองมาเพื่อเลี้ยงไก่ระหว่างยังไม่มีงานทำ แต่ที่ดินถูกนายสมพร เข้าครอบครองทำคอกเลี้ยงสุกรไปช่วงที่นายสมพงษ์ ติดคุกในเรือนจำ
นายสัมพันธ์ กล่าวอีกว่า เรื่องที่ดินเล็กน้อย ไม่ใช่เรื่องที่พี่จะมาฆ่าน้องเช่นนี้ ตนจะให้ทางญาติติดต่อเพื่อเข้ามามอบตัวและรับโทษไป ตนเองเป็นน้องและพี่ ของผู้ตายและผู้ก่อเหตุก็เสียใจกับเหตุที่เกิดขึ้น ที่ผ่านมาทั้ง 2 คน ไม่เคยทะเลาะกันมาก่อน แต่จู่ๆมาเกิดเหตุนี้ขึ้น ทำให้เสียใจอย่างมาก
ทั้งนี้ทั้งคู่เคยติดคุกและพ้นโทษออกมา คนพี่ติดในคดีปล้นพ้นโทษกลับมาอยู่ที่บ้านหลายปีแล้ว ส่วนคนน้องติดคุกในคดียาเสพติดเป็นเวลา 15 ปีและพ้นโทษออกมาได้ไม่ถึงหนึ่งปีหลังจากพ้นโทษก็ได้ไปบวชเพื่อที่จะกลับตัวเป็นคนดีเพื่อที่จะประกอบอาชีพสุจริตและยังไม่มีครอบครัว จนมาเกิดเหตุดังกล่าวขึ้น
ภาพ/ข่าว โดย:
คนิตา สีตอง จ.ตรัง