สหรัฐฯเริ่มส่งผู้อพยพออกจากเมืองชายแดนของรัฐเท็กซัส หลังผู้อพยพที่ส่วนใหญ่เป็นชาวเฮติหลั่งไหลเข้ามาเป็นจำนวนมากในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
เที่ยวบิน 3 เที่ยวได้ลงจอดที่สนามบินกรุงปอร์โตแปรงซ์ของเฮติ เมื่อวันอาทิตย์ โดยแต่ละเที่ยวบินมีผู้โดยสาร 145 คน
มีรายงานว่าผู้อพยพมากกว่า 320 คนเดินทางกลับไปเฮติเมื่อวันอาทิตย์ และในวันอัง คาร เที่ยวบินอีก 6 เที่ยว ก็จะเดินทางมาเพิ่มอีก และตั้งแต่วันพุธ สหรัฐมีแผนจะขนผู้อพยพกลับไปเฮติวันละ 7 เที่ยวบิน
ผู้อพยพจำนวนราว 13,000 คน ได้มารวมตัวกันที่ใต้สะพานที่เชื่อมเมืองเดลริโอในรัฐเท็กซัส กับเมืองซิฮูด๊าด อาคูย่าของเม็กซิโก
งานนี้ พวกเขาต้องรอคอยการส่งกลับอยู่ในค่ายพักชั่วคราวท่ามกลางอุณหภูมิร้อนอบอ้าวถึง 37 องศาเซลเซียส
ภายใต้คำสั่งฉุกเฉินด้านสาธารณสุขของสหรัฐที่รู้จักกันในชื่อ Title 42 อนุญาตให้ทางการขับไล่ผู้อพยพส่วนใหญ่ก่อนที่จะสามารถขอลี้ภัยได้
ขณะที่เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นมีปัญหาในการจัดหาอาหารและการสุขาภิบาลที่เพียงพอแก่ผู้อพยพที่เดลริโอ เนื่องจากผู้อพยพแห่กันเข้ามาทีละมาก ๆ พร้อมกัน
ด้านราอูล แอล. ออร์ติซ หัวหน้าตำรวจตระเวนชายแดนเปิดเผยว่าผู้อพยพ 3,300 คน ถูกย้ายจากค่ายไปยังเครื่องบิน หรือศูนย์กักกัน " ในอีก 6 ถึง 7 วันข้างหน้า เป้าหมายของเราคือดำเนินการกับผู้อพยพ 12,662 คนที่เรามีอยู่ใต้สะพานโดยเร็วที่สุด "
เขาบอกว่าสหรัฐฯ กำลังทำงานร่วมกับประเทศบ้านเกิดของผู้อพยพ หรือประเทศที่พวกเขาเดินทางผ่านมา เพื่อให้พวกเขายอมรับคนเหล่านี้กลับ
แม้ว่าส่วนใหญ่ในค่ายจะเป็นชาวเฮติ แต่ก็มีชาวคิวบา เปรู เวเนซุเอลา และนิการากัวรวมอยู่ด้วย
ชาวเฮติจำนวนมากออกจากประเทศหลังจากเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในปี 2553 และจำนวนมากในค่ายพักผู้อพยพที่บราซิลหรือประเทศอื่น ๆ ในอเมริกาใต้ และพวกเขาพากันเดินทางขึ้นเหนือหลังจากไม่สามารถหางานทำ หรือได้รับสถานะทางกฎหมาย
และปีนี้ ความยากลำบากได้กลับมาสู่เกาะที่ยากจนแห่งนี้เพิ่มขึ้นอีก ในเดือนกรกฎา คม ประธานาธิบดีเฮติถูกลอบสังหาร และในเดือนสิงหาคมเฮติก็ประสบแผ่นดินไหวครั้งใหญ่อีกครั้ง
ผู้ที่ส่งกลับบ้านบางคนบอกว่าพวกเขาวางแผนที่จะออกจากเฮติโดยเร็วที่สุดอีกครั้ง
คนหนึ่งบอกว่า เธอและสามีต้องการเดินทางกลับไปยังชิลี ที่ซึ่งเธอเคยอาศัยอยู่พร้อมกับลูกชายวัย 4 ขวบ " ฉันกังวลจริง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเด็ก ฉันไม่สามารถทำอะไรที่นี่ได้"
ชาวคิวบาก็หนีจากวิกฤตเศรษฐกิจครั้งเลวร้ายที่สุดของเกาะนับตั้งแต่หลังสิ้นสุดสงครามเย็น
ผู้อพยพหลายคนในเท็กซัส บางที อาจเดินทางอพยพที่เผชิญกับอันตรายมากที่สุดในลาตินอเมริกา ขากการเดินเท้าข้ามป่าทึบของ Darien Gap ระหว่างโคลอมเบียและปานามา
รัฐบาลสหรัฐฯ รายงานว่าจำนวนผู้อพยพที่เดินทางมาถึงชายแดนเม็กซิโกในปีนี้ได้เพิ่มขึ้น โดยจำนวนผู้ถูกกักตัวอยู่ที่นั่นในเดือนกรกฎาคม สูงเกินกว่า 200,000 คนเป็นครั้งแรกในรอบ 21 ปี