เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 17 กันยายน 2564 เจ้าหน้าที่ รวมทั้งกู้ภัยจากหลายหน่วยทั้ง เทศบาลเมืองบึงกาฬ กู้ภัยสว่างศรีวิไลธรรมสถาน กู้ภัยนทีธรรม บึงโขงหลงฐานภูลังกา บึงกาฬร่วมใจ เทพารักษ์ อบต.ดงบัง หน่วย นรข.บึงกาฬ สว่างเมธาธรรม อุดร และหน่วยกู้ภัยวีอาร์จาก อ.บ้านดัง จ.อุดรธานี และจากจังหวัดสกลนคร ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาค้นหาร่าง นางถาวร ผลจันทร์ อายุ 58 ปี บ้านเลขที่ 163 หมู่ที่ 6 บ้านท่าโพธิ์ ต.บึงกาฬ อ.เมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬ ซึ่งจมฝายน้ำล้นห้วยกำแพง ห่างจากหมู่บ้านประมาณ 2 กิโลเมตรขณะยกยอหาปลา และหายไปต่อหน้าต่อตาเพื่อนหลายคนที่มาหาปลาด้วยกัน โดยได้ค้นหาตั้งแต่เย็นวันที่ 10 ก.ย. ที่ผ่านมา
โดยนายธีระพล ขุนพานเพิง นายอำเภอเมืองบึงกาฬ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวทางโทรศัพท์ว่า ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ นายสนิท ขาวสอาด นายนฤชา โฆษาศิวิไลซ์ รอง ผวจ.ด้วยความเป็นห่วง จึงสั่งการระดมหน่วยกู้ภัยต่าง ๆ ร่วมมือกัน เร่งค้นหาร่างผู้สูญหายให้พบ แต่เวลาผ่านไปกว่า 7 วันแล้วก็ยังไม่มีวี่แววจะพบร่าง
นางสวรรค์ พินันท์ อายุ 76 ปีอยู่บ้านเลขที่19 หมู่ 6 บ้านท่าโพธิ์เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่าได้ชวนกันมายกยอหาปลาที่ฝายน้ำล้นพัฒนาชนบทห้วยกำแพงของหน่วยเร่งรัดพัฒนาชนบท หรือ รพช.เดิม ขณะยกยอ หรือภาษาอีสานเรียกว่า”ยกสะดุ้ง”อยู่นั้น จู่ ๆ นางถาวร ก็เดินลงไปในน้ำใต้เขื่อนฝายน้ำล้นที่น้ำกำลังไหลแรง ไม่พูดจาอะไรเหมือนมีคนชวนให้เดินตามไปตนเองก็ร้องเรียกว่าอย่าลงไป ลงไปทำไมมันอันตรายแกก็ไม่ฟัง แล้วน้ำก็ได้พัดผู้สูญหายลงไปใต้จอกแหนซึ่งหนากว่า 5 เมตรความลึกของน้ำ 3 เมตรจมหายไปต่อหน้าต่อตาหลายคนที่หาปลาอยู่ใกล้ๆ ก็ช่วยไม่ทัน และไม่รู้จะช่วยกันยังไงเนื่องจากน้ำไหลแรงมาก
ส่วนนายบุญเพ็ง นาโควงค์ อายุ 56 ปี สามีของนางถาวร ผู้สูญหายเล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่าช่วงเช้าของวันเกิดเหตุปกติภรรยาก็ออกไปหาปลาเช่นนี้ทุกวันจะกลับมาช่วงเที่ยง แต่วันนี้ผิดสังเกตจะค่ำแล้วยังไม่กลับบ้านจนกระทั่งมีคนโทรมาบอกว่าภรรยาของตนจมน้ำหายไป ก่อนเกิดเหตุร้าย 1 วันได้ฝันว่าได้เมียสาวประเภทสองอีกคนขณะที่มีเพศสัมพันธ์กันมีกลิ่นเหม็นคาวจนอ้วกแตก พอคืนถัดมาฝันว่ามีเครื่องบินมาจอดหน้าบ้านตนเอง แล้วนางถาวรภรรยาก็ได้วิ่งกระโดดขึ้นไปบนเครื่องบินหายลับไปกับตาไม่รู้ไปไหน ส่วนลางบอกเหตุหรือลางสังหรณ์ผู้สูญหายได้พูดเป็นนัยๆ ว่าสงสัยจะไม่ได้ใช้เงินล้านด้วยแล้ว ตนก็ถามไปว่าทำไมล่ะ “กูสิหอบเงินหนี” ภรรยาตอบมาแบบนี้ ซึ่งความเป็นจริงพวกตนกำลังรอการโอนเงินเข้าบัญชี 5-6 ล้านบาทจากกรมชลประทานที่จะมาสร้างสำนักงานชลประทานจังหวัดบึงกาฬ ซึ่งเป็นค่าเวนคืนที่ดินบนที่สวนยางที่อยู่ริมแม่น้ำโขง
ด้านนายเชิดชัย เจริญดี รองปลัดเทศบาลเมืองบึงกาฬ กล่าวว่า ปัญหาอุปสรรคของหน่วยกู้ภัยที่มาร่วมปฏิบัติการค้นหาร่างผู้สูญหายในครี้งนี้ คือกระแสน้ำที่ไหลแรงเชี่ยวกราก และจอกแหนที่ตายสะสมทับถมกันเป็นจำนวนมากสูงกว่า 5 เมตรกินเนื้อที่ประมาณ 4 ไร่ น้ำจึงไหลจากฝายน้ำล้นมุดเข้าไปใต้จอกหูหนูอย่างแรงและเชี่ยวกราก ตลอด 7 วันผ่านมาต้องใช้รถแบ็คโฮ 2 คันทั้งผลักส่งไปตามน้ำไหลและทั้งตักจอกขึ้นข้างบน โดยได้รับการสนับสนุนเครื่องจักรจากหจก.ไชยเลิศชินภัทร 1989 และบริษัท กิจสิริภัทร คอนสตรัคชั่น จำกัด โดยเทศบาลเมืองบึงกาฬได้สนับสนุนน้ำมันรถ คาดว่าพรุ่งนี้เป็นวันที่ 8 จอกก็จะหมดไปจากจุดที่เกิดเหตุ ซึ่งก็จะทำให้หน่วยกู้ภัยปฏิบัติงานได้สะดวกขึ้น ทุกคนยังมีความหวังว่าจะพบร่างผู้สูญหาย
โดย - นิธิศักดิ์ เศรษฐแสงศรี