"อิสระ"ชี้ ช่องโหว่ ร่าง พ.ร.บ.การศึกษาฯใต้กะลา 3 ชั้น

17 กันยายน 2564 การประชุมร่วมรัฐสภา ที่มีนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ โดยนายอิสระ เสรีวัฒนวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายเสนอแนะพร้อมฉายภาพรวมตามหน้าสื่อฯ ช่วงที่ผ่านมา ในแวดวงการศึกษามีแต่ข่าวในทางไม่ดี เช่น ครูกร้อนผม นักเรียนถูกล่วงละเมิดทางเพศ ครูตบนักเรียน ผู้อำนวยการโรงเรียนชักปืนขู่หน้าเสาธง เด็กมัธยมศึกษาปีที่ 6 ปล้นร้านทอง ตอกย้ำว่าถึงเวลายกเครื่องระบบการศึกษาไทย

นายอิสระ กล่าวว่า เห็นด้วยและหวังให้ พ.ร.บ.นี้ เป็นอัศวินม้าขาวกอบกู้ระบบการศึกษาไทย แต่พอไปเปิดดูรายละเอียดทั้ง 110 มาตรา แล้วเลิกคิดถึงแสงสว่างปลายอุโมงค์ เพราะมันมืดมิดตั้งแต่ปากถ้ำ ร่าง.พ.ร.บ.ฉบับนี้ ถูกครอบด้วยกะลา 3 ชั้น คือ 1.ครอบเด็ก เช่น ในมาตรา 8 กำลังจะเปลี่ยนโรงเรียนให้เป็นโรงงานผลิตเสื้อโหลแบบผิดหลักการ กำหนดให้เด็กต้องเป็น ต้องทำ มากมายยาว 3 หน้ากระดาษ นับคำว่า “ต้อง” มีถึง163 คำ มากกว่าฉบับเก่า 3 เท่า และไปเขียนกำหนดมาตรฐานไว้เกินเบอร์ ว่า เด็กตั้งแต่อายุ6 ปี ต้องเริ่มหาลู่ทางประกอบอาชีพ  ไม่คำนึงถึงอัตลักษณ์ความหลากหลายของบุคคล เช่น ในมาตรา8 วงเล็บสอง บอกว่าเด็กต้องฝึกการพูด ถ้าผู้มีความบกพร่องทางการใช้เสียง และการได้ยิน จะทำอย่างไร และถามว่า มีตรงไหนในกฎหมายนี้ ที่พูดถึงความหลากหลาย และความเสมอภาคทางเพศ ซึ่งมันไม่มี

นายอิสระ กล่าวว่า 2.ครอบครู เช่น ในมาตรา 37 เขียนว่า ครูต้องมีอุปนิสัยเป็นระเบียบเรียบร้อย มีวินัย และอารมณ์ดี มันจะไปบังคับคนให้อารมณ์ดีตลอดไม่ได้ ครูก็คน โกรธได้ร้องไห้เป็น ซึ่งมันไม่ใช่ แต่ต้องบอกให้ครูมีวุฒิภาวะทางอารมณ์ เพื่อแก้ปัญหาความรุนแรงต่างๆ และ3.ครอบสุดท้ายคือครอบระบบ ครอบด้วยงานเอกสาร เช่น มาตรา77 บอกไว้ว่า สถานศึกษาต้องมีหน้าที่บรรทึกข้อมูลต่างๆ บันทึกรายรับรายจ่าย สุดท้ายตกเป็นภาระครู ไหนว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ จะคืนครูสู่ห้องเรียน แบบนี้เรียกว่า ส่งครูสู่โต๊ะคอมพิวเตอร์ ไม่ได้สอนหนังสือวันๆยุ่งแต่งานเอกสาร ตนไม่แปลกใจที่ร่างพ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ หน้าตาเป็นแบบนี้ เพราะกรรมการที่เขียนกฎหมายฉบับนี้ มีครูที่สอนหนังสือจริงๆ อยู่แค่คนเดียว นี่คือครอบ3ชั้นที่เป็นปัญหา ถ้าเราทลายกะลา3ชั้นนี้ไม่ได้อย่าพูดเลย จะแก้ไขระบบการศึกษาไทย  อีกทั้ง ถ้าจะใช้ร่างฉบับนี้สู้กลับไปใช้พ.ร.บ.เมื่อปี2542 สมัยนายชวน หลีกภัย เป็นนายกฯดีกว่า เพราะฉบับนั้น พูดถึงเสรีภาพเด็ก  เสรีภาพทางวิชาการ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ซึ่งไม่มีเลยในพ.ร.บ.ฉบับนี้ หวังว่า พ.ร.บ.ฉบับนี้ถ้าผ่านคงได้รับการแก้ไขในชั้น กมธ.