16 กันยายน 2564 พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับการยืนยันว่าเป็นข่าวปลอม เพิ่มเติม 1 กรณีคือ
กรณีที่มีการเผยแพร่ข่าวสารในโซเชียลมีเดียเรื่อง ตำรวจบุกค้นห้องชายวัย 20 ปี โดยไม่ได้แสดงหมายค้น อ้างบ้านอยู่ในระยะวิถีที่ยิงโดนตำรวจ ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ
จากกรณีโพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กเพจ ระบุว่าตำรวจบุกค้นห้องชายวัย 20 ปี โดยไม่แสดงหมายค้นอย่างถูกต้อง อ้างบ้านอยู่ในระยะวิถีกระสุนที่ยิงโดนตำรวจเหตุการณ์ชุมนุมที่บริเวณถนนราชวิถีต่อเนื่อง แยกดินแดงนั้น
ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและชี้แจงว่า เป็นการเข้าตรวจค้นตามหมายค้นของศาลอาญา ที่ 666/ 2564 ลงวันที่ 9 ก.ย. 2564 เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.บช.น. และ สน.พญาไท เป็นผู้เข้าทำการตรวจค้น สถานที่ตรวจค้นเป็นอาคาร พาณิชย์เลขที่ 438/44-45 ถนนราชวิถี แขวงถนนพญาไท เขตราชเทวีกรุงเทพมหานคร (ติดกัน 2 คูหา) เข้าตรวจค้นเมื่อวันที่ 10 ก.ย. 2564
โดยสาเหตุที่เข้าทำการตรวจค้นสืบเนื่องมาจากเหตุการณ์การชุมนุมเมื่อวันที่ 7 ส.ค. 2564 ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนถูกอาวุธปืน ยิงเข้าที่บริเวณลำคอได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดที่ถนนราชวิถี (ช่องทางเดินรถขึ้นสะพานข้ามแยกสามเหลี่ยมดินแดง ใกล้กับปาก ซอยราชวิถี3) แขวงถนนพญาไท เขตราชเทวีกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 7 ส.ค. 2564 เวลาประมาณ 18.06 น.
หลังเกิดเหตุ พนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐาน และตรวจสถานที่เกิดเหตุร่วมกับกองพิสูจน์หลักฐานเพื่อหาแนววิถีกระสุน พบว่าอาคารพาณิชย์ เลขที่ 438/44-45 ลักษณะอาคารเป็นอาคาร 2 คูหา 4 ชั้น ชั้นล่างเป็นร้านถ่ายรูป ส่วนชั้นบนเป็นที่พักอาศัย เป็นอาคารซึ่งอยู่ในแนววิถีกระสุนซึ่งสามารถยิงมาและทำให้เกิดบาดแผลสอดคล้องกับบาดแผลที่เกิดขึ้นได้
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลออกหมายค้น เพื่อพบและยึดสิ่งของ อาวุธ เครื่องกระสุนปืน สิ่งของอื่นๆ ซึ่งจะเป็นพยานหลักฐานประกอบการสอบสวน ไต่สวนมูลฟ้องหรือพิจารณา หรือสิ่งของซึ่งมีไว้เป็นความผิดหรือได้มาโดยผิดกฎหมาย หรือได้ใช้ในการกระทำความผิด ซึ่งศาลได้อนุมัติ หมายค้นให้ในวันที่ 10 ก.ย. 2564 ระหว่างเวลา 08.00 – 12.00 น.
โดยก่อนการตรวจค้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แสดงหมายค้นให้เจ้าบ้านดูพร้อมทั้งแสดงตัว และชี้แจงวัตถุประสงค์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมทั้งแสดงความบริสุทธิ์จนเป็นที่พอใจแล้ว ผลการตรวจค้นไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย ระหว่างการตรวจค้น เจ้าหน้าที่ได้ทำการบันทึกภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวไว้ตลอดการตรวจค้น
หลังการตรวจค้นได้ขอโทรศัพท์ของหลานชายเจ้าของบ้านมาขอตรวจสอบข้อมูลภายในเครื่อง ซึ่งได้ให้ความยินยอมให้เข้าถึงข้อมูลไว้เป็นลายลักษณ์อักษรแล้ว ขอยืนยันว่าได้กระทำการตามอำนาจหน้าที่ ภายในกรอบของกฎหมายทุกประการ และได้รายงานผลการตรวจค้นให้ศาลทราบแล้ว
รองโฆษกตร. กล่าวว่า การผลิตข่าวปลอม สร้างข่าวบิดเบือน ทำให้ประเทศชาติเสียหาย ประชาชนสับสน เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา 14(2),(5) มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจเข้าข่ายความผิดตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน รวมทั้งกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่ผลิตข่าวปลอมและผู้ที่เผยแพร่ทุกรายอย่างเด็ดขาดจริงจังและต่อเนื่องต่อไป