14 กันยายน 2564 ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อัยการคดีปราบปรามการทุจริต สำนักงานอัยการสูงสุด เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ และประธานวิปรัฐบาล พร้อมพวก 87 ราย เป็นจำเลย ฐานร่วมกันทุจริตงบประมาณก่อสร้างสนามฟุตซอลของโรงเรียนในพื้นที่เขตการศึกษา 2 สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จ.นครราชสีมา รวม 7 สำนวน รวมฟ้องทั้งหมด 14 ข้อหา
วันนี้ (14 ก.ย.) ผู้ถูกฟ้องมารายงานตัวกับอัยการคดีปราบปรามการทุจริต 81 ราย ไม่มา 6 ราย โดย 3 รายสำคัญที่ไม่มา คือ นายวิรัช นางทัศนียา รัตนเศรษฐ นางทัศนาพร เกษเมธีการุณ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ โดยอ้างว่าติดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎร
สำหรับการยื่นฟ้องต่อศาลฎีกานักการเมือง อัยการโจท์ สามารถฟ้องได้ แม้ตัวจำเลยไม่มาศาล
ส่วนขั้นตอนต่อไปศาลฎีกา โดยที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาจะคัดเลือกผู้พิพากษาศาลฎีกา 3 คนเป็นองค์คณะ เพื่อพิจารณาว่าสำนวนฟ้องของอัยการ มีมูลความผิดตามฟ้องหรือไม่ หากเห็นว่ามีมูล ศาลฎีกาโดยประชุมใหญ่ศาลฎีกา จะประชุมเพื่อคัดเลือกผู้พิพากษาศาลฎีกา 9 คน เป็นองค์คณะพิจารณาคดี และนัดจำเลย มาศาล หากจำเลยไม่มาศาล ศาลฎีกานักการเมือง จะออกหมายจับจำเลยต่อไป
คดีทุจริตสนามฟุตซอล เริ่มต้นที่การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายงบประมาณปี พ.ศ. 2555 (งบแปรญัตติ) ให้กับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาในจังหวัดนครราชสีมา และจังหวัดอื่นๆ ในภาคเหนือ และภาคอีสาน รวม 18 จังหวัด วงเงินงบประมาณ 4,459,420,000 บาท
ในช่วงที่มีการจัดทำงบประมาณปีงบประมาณ 2555 นายวิรัช รัตนเศรษฐ นางทัศนียา รัตนเศรษฐ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ในขณะนั้น และนางทัศนาพร เกษเมธีการุณ นายกเทศมนตรีตำบลห้วยแถลงขณะนั้น (ปัจจุบันเป็น ส.ส.นครราชสีมา พรรคพลังประชารัฐ) ซึ่งเป็นน้องสาวนางทัศนียา รัตนเศรษฐ ได้สั่งการให้พวกของตน เข้าไปประสานกับผู้อำนวยการโรงเรียนต่าง ๆ ในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เพื่อจัดสรรงบประมาณก่อสร้างสนามฟุตซอลให้ โดยเข้าไป “ครอบงำ” “บงการ” การใช้จ่ายงบประมาณในวงเงินดังกล่าวโดยปราศจากอำนาจตามกฎหมาย
อันเป็นการต้องห้ามตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 168 ซึ่งบัญญัติว่า
“...ในการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา หรือของคณะกรรมาธิการ การเสนอ การแปรญัตติ หรือการกระทำด้วยประการใด ๆ ที่มีผลให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา หรือกรรมาธิการ มีส่วนไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในการใช้งบประมาณรายจ่าย จะกระทำมิได้...