10 กันยายน 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายทัศไนย ส่งศรี หรือบังไนย อายุ 42 ปี และ น.ส.วิกันดา คชพงษ์ หรือจ๊ะอันนา อายุ 42 ปี สองสามีภรรยา อิสลาม อดีตเจ้าของธุรกิจทัวร์ ในพื้นที่หาดอ่าวนาง จ.กระบี่ ได้เดินทางกลับมายังบ้านเกิด เลขที่ 11 หมู่ 3 ต.บ้านควน อ.เมืองตรัง จ.ตรัง พร้อมด้วยลูกจำนวน 3 คน เป็นชาย วัย 11 ขวบ หญิง 8 ขวบ และหญิงวัย 4 ขวบ เมื่อประมาณ 5 เดือนที่ผ่านมา หลังได้รับผลกระทบจากพิษเศรษฐกิจสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ธุรกิจทัวร์ที่เคยดำเนินกิจการอยู่ต้องปิดตัวและล้มเลิกไปโดยปริยาย ทำให้ครอบครัวทั้ง 5 ชีวิต กลับไม่มีงานหรือรายได้เข้ามาจุนเจือภายในครอบครัว
จนกระทั่งช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา นายทัศนัย หรือบังนัย พร้อมภรรยา ได้เริ่มใช้ที่ดินรอบตัวบ้าน เนื้อที่ประมาณ 2 ไร่เศษ ใช้เป็นพื้นที่สำหรับเพาะเลี้ยงหอยโข่ง ซึ่งเป็นหอยที่เนื้อแน่น หวาน นิยมนำไปประกอบอาหารรับประทาน เช่นแกงกะทิ และหอยโข่งในอดีตหาได้ง่าย และชุกชุมมากตาม ห้วย หนอง คลอง บึง หรือทุ่งนา แต่ปัจจุบันกลับกลายว่าไม่สามารถที่จะหาได้จากแหล่งน้ำธรรมชาติ เนื่องจากทุ่งนา และแหล่งน้ำเริ่มเหือดหายจากการถมดิน และการใช้สารเคมีมากขึ้น
โดยการเลี้ยงจะไม่ยุ่งยาก นำตัวหอยโข่งจากธรรมชาติ ที่รับซื้อจากชาวบ้าน ไปใส่ไว้ในบ่อดิน บ่อพลาสติก และบ่อผ้าใบ ใส่น้ำ ใส่จอกแหน และ ผักตบชวา ซึ่งเป็นวัชพืชที่หาได้ง่าย ไว้เป็นอาหารของหอย รวมทั้งให้อาหารเลี้ยงคู่กันไป และเมื่อได้ระยะเวลาที่หอยมีการผสมพันธุ์ จะใช้วิธีตักหอยขึ้นมาช่วงกลางคืนที่หอยเพศผู้ และเมียจะขึ้นคู่ด้วยกัน พร้อมที่จะวางไข่ ตักขึ้นมาพักไว้เพื่อให้คลายน้ำ 12 ชม. จนมีการวางไข่
และรอให้ถึงอายุ 1 เดือน ทำการคลอด ก่อนจะส่งขายเป็นพ่อแม่พันธุ์ จากธรรมชาติ พร้อมชุดเพาะฟัก ไข่ 1 คู่ ตะกร้าเพราะฟัก ตัวฉีดน้ำ ทำการแพ็คส่งไปยังจังหวัดต่างๆตามลูกค้าสั่ง ด้วยการห่อฟางเพื่อให้มีความชื้น ในราคา 179 บาท โดยหอยจะไม่เสียชีวิต จุดเด่นคือพ่อแม่พันธุ์ที่สมบูรณ์ ไข่ใหญ่ ลูกพันธุ์แข็งแรง จึงจะส่งให้ลูกค้า
นายทัศนัย หรือบังนัย กล่าวว่า ตนเองเปิดธุรกิจทัวร์มาเป็นระยะเวลา 17 ปี ก่อนจะปิดตัวเพราะพิษเศรษฐกิจช่วงโควิด-19 ในรอบที่ 3 ครั้งนี้ถือว่าหนักมาก จึงต้องกลับมาตั้งหลักที่บ้านเกิด ครั้งแรกที่กลับมาอยู่บ้านตนก็ยังไม่ได้เริ่มทำอะไร นอกจากปลูกผักสวนครัวไปเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่งรู้สึกอยากกินหอยโข่ง แต่กลับหากินยาก ต่างจากเมื่อก่อนจะพบมากในแหล่งน้ำธรรมชาติ
จึงมีความคิดว่าหากเราได้เพาะเลี้ยงหอยโข่งก็น่าจะดี มองว่าอะไรที่เป็นของกิน ก็ต้องอยู่ได้ ถึงแม้จะขายไม่ได้แต่เราก็จะได้มีอะไรให้กิน ตนจึงเริ่มด้วยการศึกษาหาข้อมูล จากอินเตอร์เน็ต เช่นยูทูบ และเฟสบุ๊ค ของบุคคลที่เขาเลี้ยงกันอยู่ เพราะตนก็เรียนจบเทคโนโลยีการเกษตร ส่วนภรรยาเรียนจบวิทยาศาสตร์ทางทะเล จึงได้นำองค์ความรู้เก่าที่ร่ำเรียนมา กลับมาใช้ใหม่จนถึงทุกวันนี้
นายทัศนัย หรือบังนัย กล่าวอีกว่า พ่อแม่พันธุ์ที่ขายการันตีว่าจะเป็นตัวผู้และเมียแน่นอน การที่เรานำมาเพาะฟักเองอัตราการรอดสูงกว่าฟักเองตามธรรมชาติ เราทำมา 3 เดือน มีลูกค้าจากพื้นที่ใกล้เคียง และต่างจังหวัด เช่น จ.อุตรดิตถ์ จ. น่าน ลูกค้าที่ซื้อไปเลี้ยง บอกว่ารอดทุกตัว ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ มองว่าอนาคตก็น่าจะดี ตลาดในปัจจุบันนี้ไม่พอ ตนได้รับผลกระทบจากพิษโควิดเต็มๆ กลับมาก็ตั้งหลักสู้ต่อ อยากให้ทุกคนสู้กันต่อไปเพราะชีวิตต้องเดินต่อ อย่ายอมแพ้
ซึ่งตนนั้นเคยได้รับรายได้จากการทำบริษัททัวร์เดือนละกว่า 6 หลัก จนกระทั่งพิษโควิดรายได้เป็น 0 รอบที่ 3 นี้ถือว่าหนักตนจึงต้องมาสู้กันใหม่ รายได้ตอนนี้อยู่ที่หลักหมื่นพอที่จะดูแลครอบครัวได้ สำหรับใครที่สนใจสามารถติดต่อได้ที่ช่องทาง เพจเฟสบุ๊ค "บ้านสวนบังไนยตามใจอันนา _เพาะเลี้ยงหอยโข่งใต้เมืองตรัง" หรือหมายเลขโทรศัพท์ 089-537-2967 จ๊ะอันดา 086-515-3018 บังไนย.
ภาพ / ข่าว โดย :
ถนอมศักดิ์ หนูนุ่ม จ.ตรัง