รองนายกรัฐมนตรี วิษณุ เครืองาม บอกว่า พ.ร.บ.โรคติดต่อฉบับใหม่ที่แก้ไข จะมีหมวดที่พูดเรื่อง สถานการณ์ฉุกเฉินและด้านสาธารณสุข โดยเฉพาะแยกออกมาจาก พ.ร.ก. ฉุกเฉิน เพื่อไม่ให้เข้าไปยุ่งเกี่ยว พรก. ฉุกเฉิน แต่อาจจำเป็นต้องมีการจัดตั้งหน่วยงานใหม่ ตั้งแทนที่ ศบค. ที่ตั้งขึ้นภายใต้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
"ไม่ได้นับว่าเป็นการ คืนอำนาจให้กับสาธารณสุข ในการแก้ปัญหาโรคโควิด-19 ทั้งหมด เพราะเวลามีโรคติดต่อเกิดขึ้นเป็นโรคติดต่อธรรมดา รัฐมนตรีสาธารณสุข จะเป็นประธาน แต่เมื่อมีโรคติดต่อร้ายแรงเกิดขึ้น และมีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุข นายกรัฐมนตรี ก็ต้องเป็นประธานแทน"
รองนายกฯ บอกว่า ที่ผ่านมา 1 ปี ได้เรียนรู้ว่า เมื่อเกิดขึ้นอันตรายเช่นโควิดขึ้น จะมีความเห็นวิชาการที่ขัดแย้งแตกต่างกัน จึงเป็นเหตุผลที่ ศบค.ต้องใช้เลขาสภาความมั่นคงแห่งชาติ
"ระหว่างแพทย์มหาลัย - แพทย์กระทรวง ก็จะมีความเห็นที่แตกต่างกันรวมถึงแพทย์โรงพยาบาลของรัฐบาลและเอกชน รวมถึงแพทย์ระหว่างจังหวัด ใช้คนละมาตรฐาน และเมื่อเกิดโรคระบาดร้ายแรงจึงจำเป็นต้องใช้กำลังพลทหาร ตำรวจ รวมทั้งหน่วยอื่นร่วมด้วย"
ส่วนเมื่อมีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุข ต้องคืนอำนาจบางส่วนให้กระทรวงสาธารณสุข แต่นายกรัฐมนตรีอาจจะเป็นประธาน หรือ มอบหมายให้คนอื่นได้
ส่วนโครงสร้างกฎหมายใหม่ จะเป็นเหมือนกับ ศบค.หรือไม่นั้น รองนายกฯ วิษณุ บอกว่า พรบ.ไม่ได้ระบุ แต่จะอยู่ในกฎหมายลูก เช่น กฎหมายมีการเขียนไว้สั้นๆ ว่า “เมื่อมีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน นายกฯ อาจจะมีการตั้งหน่วยงานขึ้นมาดำเนินการในเรื่องนี้ ส่วนในกฎหมายใหม่จะเรียกว่าอะไร ก็ไม่รู้”
รองนายกฯวิษณุ ยังพูดถึงการแต่งตั้ง นางณัฐฏ์จารี อนันตศิลป์ ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มาเป็น เลขาธิการคณะรัฐมนตรีคนใหม่ เป็นผู้หญิงคนแรก เพราะนางณัฐฏาจารี เคยดำรงตำแหน่งในสำนักงบประมาณและมีความอาวุโส ในระดับเดียวกับผู้อำนวยการสำนักงบประมาณคนใหม่ และจะเน้นหนักในการวิเคราะห์เศรษฐกิจเพื่อฟื้นฟูหลังวิกฤติโควิด ให้สอดคล้องกับงบประมาณและโครงการต่างๆ เรื่องนี้ไม่ทราบ ว่าใครเป็นผู้เสนอชื่อ แต่นายกรัฐมนตรี เป็นคนสั่งอย่างเป็นทางการ