svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

โหวตรธน.“บัตร 2 ใบ”ผ่านไม่ง่าย...ส่อถูกคว่ำ

08 กันยายน 2564
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

อีกหนึ่งความเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ทุกฝ่ายจับตา ก็คือการโหวตวาระ 3 ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่แก้ไขระบบการเลือกตั้งจาก “บัตรใบเดียว” เป็น “บัตร 2 ใบ”

โดย...ปกรณ์ พึ่งเนตร

 

เรื่องนี้ทีแรกไม่ค่อยมีใครมองว่าเป็นปัญหา เพราะคิดว่าบรรดา "นักเลือกตั้ง" น่าจะเจ็บช้ำกับระบบ "บัตรใบเดียว" ของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน จึงน่าจะอยากย้อนกลับไปใช้ระบบ "บัตร 2 ใบ" ส.ส.เขต 400 คน ปาร์ตี้ลิสต์ 100 คน แบบรัฐธรรมนูญปี 40 กันมากกว่า ซึ่งฝ่ายที่อยากแก้รัฐธรรมนูญมักนำมาอ้างว่าเป็นต้นแบบ "กติกาประชาธิปไตย"

 

แต่ปัญหาก็คือ มีบางพรรคการเมืองที่ได้ประโยชน์อย่างชัดเจนจากระบบ "บัตรใบเดียว" โดยเฉพาะพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งปัจจุบันแปลงร่างเป็น "พรรคก้าวไกล" ตอนเลือกตั้งปี 2562 ได้มาถึง 81 เสียง เป็นพรรคอันดับ 3 ในสภาฯ ทั้งๆ ที่เป็นพรรคหน้าใหม่ หนำซ้ำต่อมาขนาดโดนศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรค ตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรคไปทั้งหมด 

 

โหวตรธน.“บัตร 2 ใบ”ผ่านไม่ง่าย...ส่อถูกคว่ำ

 

และมี ส.ส.ย้ายหนีพรรคไปอีกจำนวนหนึ่ง แต่ปรากฏว่าจนถึงปัจจุบัน พรรคก้าวไกลก็ยังมี ส.ส.มากกว่าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นพรรคเก่าแก่รุ่นลายคราม นี่คือหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่า พรรคอนาคตใหม่ หรือก้าวไกล ได้ประโยชน์สูงสุดจากระบบ "บัตรใบเดียว" จริงๆ

 

อีกพรรคหนึ่งที่ได้ประโยชน์อย่างยิ่งจากระบบ "บัตรใบเดียว" คือ พรรคภูมิใจไทย เพราะได้ ส.ส.เพิ่มเกือบเท่าตัว จาก 34 คนในการเลือกตั้งเมื่อปี 2554 เพิ่มเป็น 51 คนในการเลือกตั้งปี 2562

 

โหวตรธน.“บัตร 2 ใบ”ผ่านไม่ง่าย...ส่อถูกคว่ำ

 

ฉะนั้น 2 พรรคนี้จึงไม่อยากให้แก้ระบบการเลือกตั้งเป็น "บัตร 2 ใบ" เพราะเกรงจะเสียประโยชน์ นอกจากนั้นยังมีพรรคเล็กอีก 15 พรรค ที่ "มีกำเนิด" ทางการเมืองมาได้เพราะกติกา "บัตรใบเดียว" ล้วนๆ
 

หากแบ่งฝ่ายหนุนกับฝ่ายต้าน "บัตร 2 ใบ" จะพบว่าฝ่ายที่ไม่เอา "บัตร 2ใบ" และน่าจะโหวตคว่ำร่างรัฐธรรมนูญ ประกอบด้วย พรรคภูมิใจไทย ก้าวไกล และพรรคเล็กที่เหลือทุกพรรค

ส่วนพรรคที่หนุน "บัตร 2 ใบ" ประกอบด้วย "กลุ่มพรรคใหญ่" อย่าง เพื่อไทย พลังประชารัฐ ประชาธิปัตย์ ในฐานะเจ้าของร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ และชาติไทยพัฒนา ซึ่งอดีตหัวหน้าพรรคผู้ยิ่งใหญ่อย่าง "บรรหาร ศิลปอาชา" อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกทำให้เกิดการยกร่างรัฐธรรมนูญปี 40 และนำมาสู่กติกา "บัตร 2 ใบ"

 

โหวตรธน.“บัตร 2 ใบ”ผ่านไม่ง่าย...ส่อถูกคว่ำ

 

หากดูเงื่อนไข "เสียงโหวต" ที่ต้องการ ถ้าจะให้ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ผ่านวาระ 3 ประกอบด้วย 3 เงื่อนไข คือ

 

1.เสียงเห็นชอบเกินกึ่งหนึ่งของรัฐสภา ปัจจุบันรัฐสภามี ส.ส. และ ส.ว.ที่สามารถโหวตได้ 730 เสียง แยกเป็น ส.ส. 480 เสียง ลดลงจากตอนอภิปรายไม่ไว้วางใจ 2 เสียง จากคำสั่งศาลให้ 2 ส.ส.ภูมิใจไทย หยุดปฏิบัติหน้าที่ กรณีเสียบบัตรแทนกัน กับส.ว.อีก 250 เสียง ซึ่งเสียงกึ่งหนึ่งที่ต้องการ คือ 366 เสียงขึ้นไป

 

2.ต้องมีสมาชิกวุฒิสภา หรือ ส.ว.เห็นชอบด้วยไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 หรือ 84 เสียง

 

3.ต้องมี ส.ส.จากพรรคการเมืองที่ไม่ได้มีสมาชิกเป็นรัฐมนตรี และประธาน หรือรองประธานสภาผู้แทนราษฎร อีกอย่างน้อย 20%

 

มาดูเงื่อนไขแรก หากต้องการให้ "บัตร 2 ใบ" ผ่าน ต้องมีเสียงสนับสนุนเกินกึ่งหนึ่งของรัฐสภา คือ 366 เสียงขึ้นไป

 

เมื่อไปดูเสียงกลุ่มหนุน เพื่อไทย 134 เสียง พลังประชารัฐ 119 เสียง ประชาธิปัตย์ 48 เสียง และชาติไทยพัฒนา 12 เสียง รวมทั้งหมด 313 เสียง ยังขาดอีก 53 เสียง ที่ต้องหามาเติม

 

แน่นอนว่าต้องเล็งไปที่เสียง ส.ว. เนื่องจากไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับระบบเลือกตั้ง การจะหา ส.ว.เห็นด้วย 53 เสียง เป็นไปได้หรือไม่ ต้องลองซาวเสียงกันดู

 

โหวตรธน.“บัตร 2 ใบ”ผ่านไม่ง่าย...ส่อถูกคว่ำ

 

แต่ถึงจะหาได้ ก็ยังติดเงื่อนไขที่ 2 คือ ต้องมี ส.ว.โหวตสนับสนุนไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 หรือ 84 เสียง ฉะนั้นการหาเสียงสนับสนุนจาก ส.ว. ไม่ใช่แค่ 53 เสียง แต่ต้องมากถึง 84 เสียง เลยทีเดียว

 

ส่วนเงื่อนไขสุดท้าย เงื่อนไข 20% ไม่มีปัญหา เพราะ ส.ส.เพื่อไทยพรรคเดียวก็เกินแล้ว

เมื่อหันมาดูกลุ่มค้าน หากนับเฉพาะ ส.ส. โดยหักฝ่ายหนุนบัตร 2 ใบออกไปแล้ว 313 เสียง ก็จะเหลือ 167 เสียง การจะคว่ำร่างรัฐธรรมนูญด้วยการหาเสียงโหวตเกินครึ่งของรัฐสภา คือ 366 เสียง ถือว่ายาก เพราะต้องหาอีกถึง 199 เสียง

 

การคว่ำร่างรัฐธรรมนูญ "บัตร 2 ใบ" ในแนวทางที่ง่ายกว่า คือ ชวน ส.ว.ให้โหวตไม่เห็นชอบเกิน 166 เสียง ก็จะทำให้เสียงเห็นชอบต่ำกว่า 84 เสียง แม้เสียงรวมฝ่ายหนุนจะเกินครึ่ง ร่างรัฐธรรมนูญก็ถูกคว่ำอยู่ดี และจากการเช็คเสียงล่าสุดของ ส.ว. ปรากฏว่ามีหลายกลุ่มแสดงตัวไม่เอาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้

 

โหวตรธน.“บัตร 2 ใบ”ผ่านไม่ง่าย...ส่อถูกคว่ำ

 

สรุปว่าโอกาสที่ร่างรัฐธรรมนูญจะถูกคว่ำมีแนวโน้มสูงกว่า และแม้ร่างรัฐธรรมนูญจะผ่านรัฐสภาวาระ 3 ไปได้ ก็คาดว่าพรรคก้าวไกลน่าจะชิงส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย เป็นการดิ้นเฮือกสุดท้ายก่อนนำร่างขึ้นทูลเกล้าฯ

 

ศึก "บัตร 2 ใบ" หนนี้จึงน่าจะไปจบที่ศาลรัฐธรรมนูญ

logoline