รายชื่อ 6 รัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายกันก่อน ประกอบด้วย
6 รัฐมนตรีที่ถูกอภิปราย แบ่งได้เป็น 3 กลุ่ม ตามเนื้อหาในญัตติที่ยื่นเอาไว้ คือ
กลุ่มแรก โยงปัญหาโควิดตรงๆ ในแง่การบริหารจัดการ และการบริหารวัคซีนที่ฝ่ายค้านมองว่าล้มเหลว กลุ่มนี้ประกอบด้วย พลเอกประยุทธ์ กับ นายอนุทิน
กลุ่มที่สอง เป็นปัญหาสืบเนื่องจากโควิด หรือผลพวงการใช้อำนาจที่เกี่ยวกับการบริหารจัดการสถานการณ์โควิด ได้แก่ นายสุชาติ ชมกลิ่น น่าจะเป็นเรื่องแรงงานเถื่อนทะลัก และเยียวยาผู้ประกันตนสับสน
อีกคนคือ นายชัยวุฒิ น่าจะโดนเรื่องการใช้อำนาจควบคุมสื่อ โยงถึงข้อกำหนด “ปิดปากสื่อ” ที่นายกฯเพิ่งสั่งยกเลิกไป เพราะถูกศาลแพ่งชี้ว่าเป็นข้อกำหนดที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมาย
นอกจากนั้นอาจจะมี นายศักดิ์สยาม เรื่องข่าวลืออะไรต่างๆ เกี่ยวกับตัวนายศักดิ์สยามเองที่เป็นรัฐมนตรีไทยเพียงหนึ่งเดียวที่ติดโควิด และเป็นเจ้าของไทม์ไลน์ “ผู้ชายในฝัน” เพราะในไทม์ไลน์มีแต่การไปทำงานกับกลับบ้าน ไม่มีออกนอกเส้นทางเลย แถมยังโสดอยู่จนถึงทุกวันนี้
กลุ่มที่สาม เป็นปัญหาอื่นที่ไม่ใช่โควิด ได้แก่ นายศักดิ์สยาม ซึ่งอาจจะมีเรื่องการประมูล “รถไฟทางคู่” ที่มีคำถามมากเรื่องฮั้วประมูลหรือไม่ ขณะที่นายเฉลิมชัย เป็นเรื่องเกี่ยวกับการเกษตร และน่าจะโยงเรื่องโรคลิมปีสกิน ที่เป็นโรคระบาดวัว และมีปัญหาการนำเข้าวัคซีนเช่นกัน
ในซีกฝ่ายค้าน มีปัญหากันระหว่างพรรคเพื่อไทย กับพรรคก้าวไกล โดยพรรคเพื่อไทยในฐานะพรรคแกนนำ และหัวหน้าพรรคเป็นผู้นำฝ่ายค้าน พยายามขอดูข้อมูลและประเด็นอภิปรายของพรรคก้าวไกล เพื่อนำไปจัดคิวอภิปราย แต่ปรากฏว่าพรรคก้าวไกลไม่ยอมให้ เพราะเกรงว่าข้อมูลจะรั่วไปถึงฝ่ายรัฐบาล เนื่องจากระยะหลังพรรคเพื่อไทยกับพลังประชารัฐ ใกล้ชิดกระหนุงกระหนิงกันเป็นพิเศษ เพราะสมประโยชน์เรื่องงบกลาง และการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกล ก็ระหองระแหงกันมาก่อนแล้ว โดยเมื่อเร็วๆ นี้ก็ประเด็นไม่มีชื่อ “บิ๊กป้อม” พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ถูกอภิปราย รวมทั้ง ผู้กองธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯด้วย / ขณะที่การอภิปรายไม่ไว้วางใจหนแรก เมื่อปี 63 พรรคก้าวไกลก็เจอเกมของพรรคเพื่อไทย อภิปรายยืดยาวจนเวลาหมด ทำให้ขุนพลของก้าวไกลไม่ได้อภิปรายมาแล้ว
ส่วนรัฐบาลเองก็มีปัญหาภายใน โดยเฉพาะในพรรคพลังประชารัฐ เนื่องจากรัฐมนตรีบางคนที่มีชื่อถูกอภิปราย เจ้าตัวเช็คแล้วเช็คอีกก่อนฝ่ายค้านยื่นญัตติว่าไม่มีชื่อของตนแน่ๆ / แต่สุดท้ายกลับมีชื่อ / แล้วมีข่าวว่า คนในพรรคเดียวกันที่อยากได้เก้าอี้ “รัฐมนตรีว่าการ” ไปขอให้ฝ่ายค้านใส่ชื่อ เพื่อเขย่าให้ตกเก้าอี้
นอกจากนั้นยังมีกระแสเคลื่อนไหวให้ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ “ฟรีโหวต” ในการลงมติด้วย ซึ่งหากสุดท้ายพรรคพลังประชารัฐ “ฟรีโหวต” จริงๆ จะส่งผลต่อคะแนนไว้วางใจของรัฐมนตรีแต่ละคนแน่นอน