ศูนย์บัญชาการภูมิภาคกลางของสหรัฐฯ ระบุว่า กองทัพสหรัฐฯ ได้เปิดฉากปฏิบัติการโจมตีทางอากาศโดยใช้โดรนติดอาวุธเพื่อโจมตีเป้าหมายที่เป็นบุคคลและมีความเกี่ยวข้องกับกลุ่ม ไอเอส-โคราซาน หรือ ISIS-K ในจังหวัดนันกาฮาร์ทางตะวันออกของประเทศและมีชายแดนติดกับปากีสถาน
กองทัพสหรัฐฯ อ้างว่า เบื้องต้นเป้าหมายถูกสังหารแล้วและไม่มีพลเรือนสูญเสีย แต่ไม่ได้ระบุชัดเจนว่าเป้าหมายดังกล่าว คือผู้ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ก่อการร้ายที่สนามบินโดยตรงหรือไม่
ขณะที่แหล่งข่าวใน กองทัพสหรัฐฯ เปิดเผยว่า การโจมตีเกิดขึ้นขณะที่เป้าหมายกำลังนั่งอยู่ภายในรถยนต์กับสมาชิกกลุ่มอีกคนหนึ่ง ทำให้ทั้งคู่เสียชีวิต และการโจมตีมีขึ้นเพื่อป้องกันแผนก่อการร้ายของกลุ่ม ISIS-K ในอนาคตสอดคล้องกับที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า มีความเสี่ยงที่กลุ่ม ISIS-K จะก่อเหตุอีก ความเคลื่อนไหวล่าสุดเป็นไปตามที่ประธานาธิบดี โจ ไบเดน เคยประกาศไว้ว่า สหรัฐฯ จะไล่ล่าและตามเอาคืนผู้ก่อเหตุอย่างสาสม พร้อมสั่งให้กระทรวงกลาโหมเตรียมแผนโจมตีกลุ่มที่อยู่เบื้องหลัง
มือระเบิดฆ่าตัวตายได้จุดชนวนโจมตีประตูทางเข้าท่าอากาศยานนานาชาติฮามิ คาร์ไซในกรุงคาบูล เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ทำให้มีผู้เสียชีวิตจนถึงขณะนี้อย่างน้อย 170 ราย บาดเจ็บกว่า 200 คน รวมทั้งทหารอเมริกันที่เสียชีวิตอย่างน้อย 13 นาย บาดเจ็บ 18 นาย นับเป็นการสูญเสียกำลังพลของสหรัฐฯ ในอัฟกานิสถานครั้งแรกตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว และครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบ 10 ปี
อย่างไรก็ตาม กองทัพสหรัฐฯ ได้เปิดเผยล่าสุดว่า เหตุระเบิดฆ่าตัวตายเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวและมีคนร้ายเพียงคนเดียว ซึ่งต่างจากรายงานครั้งแรกว่ามีระเบิด 2 ครั้ง โดยครั้งที่ 2 เกิดที่โรงแรมซึ่งอยู่ใกล้สนามบิน
ปัจจุบันทหารสหรัฐฯ ราว 5,000 นาย ยังคงประจำการอยู่ที่สนามบินกรุงคาบูล เพื่อดูแลภารกิจอพยพพลเรือนอเมริกัน และชาวอัฟกันที่ต้องการหนีออกนอกประเทศก่อนถึงเส้นตายในวันที่ 31 สิงหาคมนี้