svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

ประวัติศาสตร์การค้า "ไทย-ไหหลำ" ดันทำยอด 12,000 ล้านบาท

20 สิงหาคม 2564
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ข่าวดีส่งออก สัญญาฉบับแรก มินิเอฟทีเอ (Mini FTA ) "ไทย-ไหหลำ" ลงนามสร้างประวัติศาสตร์การค้า ตอกย้ำจีนประเทศคู่ค้า และตลาดส่งออกอันดับ 1 ของไทย

20 สิงหาคม 2564 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกความ เข้าใจด้านความร่วมมือทางการค้า ไทย-ไห่หนาน ระหว่างอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ กับนายเฉิน ซี อธิบดีกรมพาณิชย์ไห่หนาน ผ่านระบบประชุมทางไกล ณ  ห้องบุรฉัตร ไชยากร ชั้น 4 สํานักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์

ขอขอบคุณมณฑลไห่หนาน กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศของไทย รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ได้ร่วมกันผลักดันและสนับสนุนให้เกิดความร่วมมือในวันนี้ขึ้น

ตนเชื่อมั่นว่า การลงนาม MOU ในวันนี้ จะเป็นกลไกที่สำคัญในการส่งเสริมการค้าและการพัฒนาความร่วมมือระหว่างกันได้อย่างเป็นรูปธรรมในอนาคต

 

นายจุรินทร์ กล่าวขอบคุณท่านผู้บริหารจากมณฑลไห่หนาน ที่ให้เกียรติเข้าร่วมพิธีลงนาม MOU ผ่านระบบทางไกลในวันนี้ รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่มีส่วนในการผลักดันให้ประเทศไทยและมณฑลไห่หนานมีความร่วมมือทางการค้าที่แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้นสำหรับประเทศไทย ชื่อของ “ไห่หนาน”หรือ“ไหหลำ” เป็นชื่อที่คนไทยคุ้นเคยมาช้านาน

ประวัติศาสตร์การค้า \"ไทย-ไหหลำ\" ดันทำยอด 12,000 ล้านบาท

เนื่องจากไทยมีประชากรเชื้อสายไห่หนานอยู่จำนวนมาก มีการรักษาวัฒนธรรมไห่หนานไว้อย่างเหนียวแน่น และยังมีการรวมกลุ่มที่มีความเข้มแข็งเป็นอย่างมากในบรรดาประเทศพันธมิตรทางการค้าของไทย จีนเป็นประเทศคู่ค้า และตลาดส่งออกอันดับ 1 ของไทยมาโดยต่อเนื่อง ด้วยขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่และมีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว

 

โดยมีมูลค่าการค้าระหว่างกันในปีที่ผ่านมา สูงถึง 2.5 ล้านล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนถึงร้อยละ 18.26 ของมูลค่าการค้าระหว่างประเทศของไทยโดยรวม และสำหรับมณฑลไห่หนานในปี 2563 แม้ว่าโลกจะเผชิญกับผลกระทบจากวิกฤติโควิด 19 แต่การค้าระหว่างมณฑลไห่หนานกับไทยยังคงมีมูลค่าสูงถึงราว 9,233 ล้านบาท (295.07 ล้านเหรียญฯ)

เมื่อปลายเดือนพฤศจิกายนปีผ่านมา ได้มีโอกาสเข้าร่วมพิธีเปิดงาน CIIE ครั้งที่ 3 และได้รับฟังคำกล่าวเปิดงานของท่านประธานาธิบดีสี จิ้น ผิง เกี่ยวกับทิศทางการพัฒนาจีนในอีก 10 ปีข้างหน้า ซึ่งมีประเด็นสำคัญที่ตนขอกล่าวถึง 2 ประเด็น คือ

 

1. จีนจะสนับสนุนความร่วมมือทางการค้าทั้งพหุภาคีและทวิภาคี ซึ่งเมื่อปีที่ผ่านมาตนในฐานะประธานการประชุมรัฐมนตรีการค้า RCEP ก็ได้สรุปข้อตกลง RCEP เป็นข้อตกลงการค้าที่ใหญ่ที่สุดในโลกในระดับพหุภาคี

 

2.จีนจะใช้เขตการค้าเสรีภายในประเทศเป็นพื้นที่ทดสอบนำร่องที่มีบทบาทในการขับเคลื่อนการค้าระหว่างประเทศซึ่งสามารถขยายการเปิดเสรีภาคเศรษฐกิจดิจิทัล และไห่หนานก็ได้อยู่ในแผนการพัฒนาดังกล่าวด้วย

 

"ขอชื่นชมวิสัยทัศน์ของท่านประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ที่ได้วางแผนยกระดับให้ไห่หนานเป็นเมืองท่าการค้าเสรีที่มีอัตลักษณ์ ซึ่งถือเป็นนโยบายการเปิดประเทศที่สำคัญของจีน อันจะช่วยเอื้อต่อการค้า การลงทุนระหว่างประเทศ และผมเชื่อมั่นว่าด้วยศักยภาพที่มีของไห่หนานจะส่งผลให้ไห่หนานก้าวขึ้นสู่การเป็นเมืองท่าสากลระดับโลก ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้อย่างแน่นอน และในฐานะที่ตนมีเชื้อสายไห่หนาน"

 

 ผมได้มีโอกาสไปร่วมงานที่สมาคมใหหนำแห่งประเทศไทยหลายครั้ง ซึ่งหลายท่านได้แสดงความสนใจในการไปทำธุรกิจที่บ้านเกิดของบรรพบุรุษ ความสนใจดังกล่าวสอดคล้องกับนโยบายที่ตนได้มอบให้กระทรวงพาณิชย์ของไทยไว้ตั้งแต่เมื่อเข้ารับตำแหน่ง

ประวัติศาสตร์การค้า \"ไทย-ไหหลำ\" ดันทำยอด 12,000 ล้านบาท

โดยขอให้เดินหน้าสร้างความสัมพันธ์ทางการค้าในระดับต่างๆ เพื่อลดอุปสรรคและแสวงหาโอกาสทางการค้าใหม่ๆ ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่เผชิญทั้งกับความท้าทายและความผันผวนจากปัจจัยต่างๆ ซึ่งไห่หนานถือเป็นมณฑลแรกในจีนที่กระทรวงพาณิชย์ไทยได้จัดทำ MOU ร่วมกัน

 

"วันนี้จึงถือเป็นวันสำคัญอย่างยิ่งเพราะนอกจากจะเป็นวันครบรอบ 101 ปีของการสถาปนากระทรวงพาณิชย์ของไทย ยังเป็นวันครบรอบ 69 ปีของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศของไทยอีกด้วย พิธีลงนาม MOU ในวันนี้จึงถือได้ว่าเป็นก้าวที่มีความสำคัญ และเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ไทย และกรมพาณิชย์ไห่หนาน  ที่จะช่วยสร้างความร่วมมือทางการค้าระหว่างกันให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น และจะเป็นการเชื่อมโยงห่วงโซ่การค้าบนพื้นฐานความร่วมมือฉันท์มิตรระหว่างกันตลอดไป" 

จากนั้น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวเพิ่มเติมว่าความร่วมมือนี้ถือเป็น Mini-FTA ฉบับแรกที่ไทยทำกับมณฑลในประเทศจีน ซึ่งเป็นนโยบายที่ให้ไว้กับกระทรวงพาณิชย์ ว่าให้ทำ FTA ฉบับเล็กหรือเรียกได้ว่า Mini-FTA กับรัฐต่างๆที่บางรัฐมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่กว่าหรือมีจำนวนประชาชนมากกว่าประเทศไทยโดยไห่หนานเป็นตัวอย่างแรกที่เกิดขึ้นกับประเทศจีนโดยเนื้อหาประกอบด้วย 5 ด้าน

 

1. ด้านการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางการค้าระหว่างกัน

 

2. ด้านการแลกเปลี่ยนความรู้ด้านการค้า ด้านสินค้า ด้านนวัตกรรมและการตลาดรวมทั้งการส่งเสริมการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าระหว่างกันเพื่อเพิ่มมูลค่าการค้า

 

 3.ด้านการอำนวยความสะดวกทางการค้าระหว่างกัน เช่น การเดินทางของนักธุรกิจ การจัดประชุมสัมมนาร่วมกัน เพื่อส่งเสริมการค้าระหว่างกัน

 

4.ด้านการมุ่งขยายมูลค่าการค้าใน 3 สินค้าหลัก ประกอบด้วย 1.สินค้าทางด้านการเกษตร 2.สินค้าอาหาร และ 3.สินค้าอุตสาหกรรม

 

5.ความร่วมมือด้านอีคอมเมิร์ซ เช่น การส่งเสริมการค้าผ่านแพลตฟอร์มต่างๆของจีนและไทย เพื่อเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกัน โดยจะมีผลเป็นระยะเวลา 2 ปี ตั้งแต่วันนี้ 20 สิงหาคม 2564 ถึงวันที่ 20 สิงหาคม 2566 โดยตั้งเป้าไว้ที่ 12,000 ล้านบาทภายใน 2 ปี

logoline