เป็นรายงานข่าวจากทาง นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยถึง กรณีที่ชาวเน็ตและมีในโลกออนไลน์ มีการแชร์ข่าว กรณีใบรับรองการฉีดวัคซีนโควิด-19 แบบอิเล็กทรอนิกส์ ว่า หนังสือรับรองดังกล่าวเป็นของแพทย์ รพ.รามาธิบดี ที่ได้รับวัคซีน เข็ม 1 เป็นซิโนแวค เมื่อวันที่ 25 มี.ค. และ เข็ม 2 เป็นซิโนแวค เมื่อวันที่ 18 เม.ย. จากนั้น 17 ก.ค. ที่ผ่านมา รับบูสเตอร์แอสตร้าเซนเนก้า เป็นเข็ม 3 แต่เนื่องจากมีภารกิจไปศึกษาต่อต่างประเทศ ทาง รพ.รามาธิบดี ได้ทำหนังสือส่งตัวมาขอรับคำปรึกษาและรับวัคซีนเพิ่ม เนื่องจากประเทศที่ไปศึกษาไม่รับรองซิโนแวค อีกทั้ง ประเทศปลายทางที่เดินทางไปรับรองไฟเซอร์ จึงต้องฉีดไฟเซอร์
ด้านนายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ชี้แจงอีกว่า กรมควบคุมโรค ได้รับแจ้งกรณีที่มีการโพสต์ในโซเชียลว่า มีผู้ที่ได้รับวัคซีนไฟเซอร์ฉีดเป็นเข็มที่ 4 นั้น จากการตรวจสอบข้อมูลในระบบบริหารจัดการวัคซีน COVID-19 ของกระทรวงสาธารณสุข (MOPH IC : MOPH Immunization Center) พบว่า กรณีนี้ เป็นบุคลากรทางการแพทย์ที่กำลังจะเดินทางไปปฏิบัติงานที่ประเทศแคนาดา ซึ่งมีระเบียบว่า จะต้องได้รับวัคซีนที่ประเทศแคนาดากำหนด จึงสามารถเข้าประเทศได้โดยไม่ต้องกักตัว 14 วัน ได้แก่ แอสตร้าเซนเนก้า ไฟเซอร์ โมเดอร์นา จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน และโควิดชิลด์ ร่วมกับแสดงผลตรวจหาเชื้อโควิดก่อนเข้าประเทศเป็นลบ
กรณีนี้ จึงถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่จะได้รับการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ภายหลังได้วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2564 หน่วยงานสาธารณสุขของแคนาดา (The Public Health Agency of Canada) แนะนำว่าผู้คนในประเทศแคนาดาที่รับวัคซีนแอสตร้าเซเนก้า สามารถรับวัคซีนไขว้เป็นชนิด mRNA ได้แก่ ไฟเซอร์ หรือ โมเดอร์นา เพื่อประโยชน์ในการป้องกันโควิด ดังนั้น การรับวัคซีนไฟเซอร์ของบุคลากรทางการแพทย์รายนี้ที่กำลังจะเดินทางไปปฏิบัติงานในประเทศแคนาดาเป็นไปตามเงื่อนไขของการเข้าประเทศที่ประเทศปลายทางระบุ