svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

ขุด3คดี"สาธิตรังคสิริ"ก่อนเจอคุกตลอดชีวิต

20 สิงหาคม 2564
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ก่อนศาลตัดสินจำคุกตลอดชีวิต "สาธิต รังคสิริ" มีความผิด แบ่งออกเป็น 3 กรณี หนึ่ง ทุจริตต่อหน้าที่ สอง ร่ำรวยผิดปกติ สาม ความรับผิดทางละเมิด

20 สิงหาคม 2564 ภายหลังจากศาลอาญาคดีทุจริตเเละประพฤติมิชอบกลาง อ่านคำพิพากษา เมื่อ 19 ส.ค.64 ในคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 1 เป็นโจทก์ฟ้อง นายสาธิต รังคสิริ อดีตอธิบดีกรมสรรพากร นายสิริพงศ์ ริยะการธีรโชติ อดีตสรรพากรพื้นที่กรุงเทพมหานคร 22 นายประสิทธิ์ อัญญโชติ และนายกิติศักดิ์ อัญญโชติ เป็นจำเลยที่ 1-4

 

โจทก์ยรรยายฟ้อง ว่า ระหว่างวันที่ 20 พ.ค.55 ถึงวันที่ 26 ต.ค.56 พวกจำเลยร่วมและสนับสนุนการกระทำความผิด คือร่วมกันขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มโดยแสดงข้อความเท็จหลอกลวงกรมสรรพากรเจ้าหน้าที่กรมสรรพากร และเจ้าหน้าที่สรรพากรพื้นที่กรุงเทพมหานคร 22 เพื่อให้ได้ไปซึ่งเงินคืนภาษีมูลค่าเพิ่มจากกรมสรรพากร และรัฐ

 

โดยทุจริตการกระทำของจำเลยที่ 1 ที่ 2 เป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อทำจัดการหรือรักษาทรัพย์ใดเบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริตหรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นไปเสียและฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ ซื้อทำจัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริตอันเป็นการเสียหายแก่รัฐหรือเจ้าของทรัพย์ นั้นเป็นบทหนักซึ่งมีโทษเท่ากัน

 

ให้ลงโทษฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อทำจัดการหรือรักษาทรัพย์ใดเบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริตหรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นไปเสีย แต่เพียงบทเดียวตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 ที่ 2 ตลอดชีวิต 

 

จำเลยที่ 3 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157(เดิม) 265(เดิม) 268(เดิม) 341(เดิม) ประมวลรัษฎากรมาตรา 90/4(3) (6(เดิม)) (7) ประกอบประมวลกฎหมายอาญามาตรา 86กระทำของจำเลยที่ 3 เป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทลงโทษฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานให้ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 3 เป็นเวลา 6 ปี 8 เดือน

 

ให้จำเลยที่ 1,2 เเละ 3 ร่วมกันชดใช้เงิน 3,097,016,533 บาทแก่กรมสรรพากร 

 

นับโทษจำเลยที่ 3 ต่อจากโทษของจำเลยที่ 1 ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ฟย. 23/2560 หมายเลขแดงที่ฟย. 47/2561ของศาลอาญา 

 

ริบของกลางทองคำแท่งน้ำหนัก 77 กิโลกรัมและทองคำแท่งน้ำหนักรวม 7,000 บาททองคำ ตามคำขอท้ายฟ้องและทองคำแท่งทุกรายการที่ส่งมอบแก่คณะกรรมการจัดการทรัพย์สินเมื่อ 15 พ.ย. 62 

 

ยกฟ้องจำเลยที่ 4 คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก

 

คดีของนายสาธิต รังคสิริ แบ่งออกเป็น 3 กรณี

ขุด3คดี"สาธิตรังคสิริ"ก่อนเจอคุกตลอดชีวิต

หนึ่ง ทุจริตต่อหน้าที่ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดผู้ถูกกล่าวหาอย่างน้อย 10 ราย ได้แก่ นายสาธิต นายศุภกิจ นายพายุ และนายสุวัฒน์ กับกลุ่มเอกชนเครือนายวีรยุทธ แซ่หลก และพวก โดยอัยการฟ้องคดีต่อศาลคดีทุจริตฯ แล้ว

 

สอง ร่ำรวยผิดปกติ คดีทุจริตการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มอันเป็นเท็จ วงเงินกว่า 4.3 พันล้านบาท ภายหลังที่คณะกรรมการป.ป.ช. ชี้มูลความผิดนายสาธิต รังคสิริ อดีตอธิบดีกรมสรรพากร นายศุภกิจ ริยะการ อดีตสรรพากรระดับ 9 พื้นที่ กทม. เขต 22 (บางรัก) นายพายุ สุขสดเขียว อดีตสรรพากรระดับ 9 พื้นที่สมุทรปราการ เขต 1 นายสุวัฒน์ จารุมณีโรจน์ อดีตนักวิชาการชำนาญการ ระดับ 8 สรรพากรพื้นที่ กทม. เขต 22 (บางรัก) พร้อมพวก รวมถึงชี้มูลความผิดกรณีร่ำรวยผิดปกติรวมวงเงินกว่า 1.3 พันล้านบาท

 

ขณะเดียวกันกระทรวงการคลัง ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง และมีมติไล่ออกนายสาธิต นายศุภกิจ นายพายุ และนายสุวัฒน์ ไปแล้ว นอกจากนี้ยังตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดกับข้าราชการที่เกี่ยวข้อง โดยสรุปมูลค่าความเสียหายเบื้องต้น 4 พันล้านบาทเศษ ให้นายสาธิต นายศุภกิจ นายพายุ และนายสุวัฒน์ ชดใช้

 

ในส่วนคดีของนายสุวัฒน์ กรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดร่ำรวยผิดปกติ 596,420,139 ล้านบาท เป็นทรัพย์สิน 27 รายการ อัยการได้ฟ้องต่อศาลแพ่งธนบุรี ล่าสุดศาลแพ่งธนบุรี พิพากษาให้ทรัพย์สินกว่า 596 ล้านบาทของนายสุวัฒน์ กรณีร่ำรวยผิดปกติตกเป็นของแผ่นดินแล้ว

 

ต่อมา เจ้าหน้าที่ป.ป.ช.ตรวจสอบความครบถ้วนของกลางคดีร่ำรวยผิดปกติของนายสาธิต รังคสิริ อดีตอธิบดีกรมสรรพากร เป็นทองคำแท่ง หนักประมาณ 318 กิโลกรัม รวมมูลค่า 596,420,139 บาท ที่สำนักงาน ป.ป.ช. อายัดไว้ และนำส่งทองคำแท่งดังกล่าวไปเก็บไว้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)


สาม ความรับผิดทางละเมิด คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด กระทรวงการคลัง มีมติให้ข้าราชการอย่างน้อย 14 ราย ชดใช้ความเสียหายกรณีดังกล่าว รวมวงเงินกว่า 4 พันล้านบาท 

logoline