
วันที่ 19 สิงหาคม 2564 นางรุ่งนภา พัฒนวิบูลย์ รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เข้าร่วมประชุมคณะกรรมการโครงการมนุษย์และชีวมณฑลของคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ครั้งที่ 1/2564 ผ่านระบบการประชุมออนไลน์ (Video Conference) ร่วมกับผู้ทรงคุณวุฒิ คณะกรรมการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมี นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธาน ณ ห้องประชุมชั้น 17 กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมกันหารือถึงแนวทางความพร้อมในการนำเสนอพื้นที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาพระแทว จ.ภูเก็ต เป็นพื้นที่สงวนชีวมณฑล ต่อจากดอยหลวงเชียงดาว จ.เชียงใหม่ ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของ UNESCO
นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า พื้นที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาพระแทว จ.ภูเก็ต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้เล็งเห็นถึงการทำให้เป็นพื้นที่สงวนชีวมณฑลที่สำคัญระดับโลกแห่งหนึ่ง ขณะนี้ประเทศไทยมีพื้นที่สงวนชีวมณฑล ทั้งสิ้น 4 แห่ง ได้แก่ พื้นที่สงวนชีวมณฑลสะแกราช จ.นครราชสีมา พื้นที่สงวนชีวมณฑลป่าสัก-ห้วยทาก จ.ลำปาง พื้นที่สงวนชีวมณฑลแม่สา-คอกม้า จ.เชียงใหม่ และพื้นที่สงวนชีวมณฑลระนอง จ.ระนอง ขณะที่ ดอยหลวงเชียงดาว จ.เชียงใหม่ อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาจาก UNESCO
สำหรับ เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาพระแทว จ.ภูเก็ต มีเนื้อที่รวม 13,925 ไร่ มีสัตว์ป่ากว่า 100 ชนิด พันธุ์พืชเฉพาะถิ่นที่หายากและเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ ได้แก่ ปาล์มหลังขาว หรือปาล์มเจ้าเมืองถลาง รวมถึงมีการจัดแบ่งพื้นที่เพื่อการบริหารจัดการออกเป็น พื้นที่แกนกลาง (Core area) เขตกันชน (Buffer zone) และพื้นที่รอบนอก (Transition area) เพื่อทำกิจกรรมเชิงอนุรักษ์ร่วมกับชุมชนโดยรอบมาอย่างต่อเนื่อง ตรงตามหลักเกณฑ์ของพื้นที่สงวนชีวมณฑล
หลักเกณฑ์ของการคัดเลือกพื้นที่สงวนชีวมณฑลโลก (Statutory Framework of World Network of Biosphere Reserve Network) จะประกอบไปด้วยคุณสมบัติ 7 ข้อ 1.เป็นพื้นที่ที่ครอบคลุมภาพของตัวแทนระบบนิเวศของภูมิภาคตามชีวภูมิศาสตร์หลัก และมีพื้นที่ที่ปรากฏกิจกรรมของมนุษย์รวมอยู่ด้วย 2.เป็นพื้นที่ที่มีความสำคัญต่อการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ 3. เป็นพื้นที่ที่เปิดโอกาสให้มีการค้นหาและสาธิตวิธีการเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนในระดับภูมิภาค 4. มีขนาดเหมาะสมต่อการบริการหน้าที่ทั้ง 3 ด้าน ของพื้นที่สงวนชีวมณฑล ได้แก่ การอนุรักษ์ การพัฒนา และ โลจิสติกส์ของการถ่ายทอดองค์ความรู้ 5.ควรประกอบด้วยพื้นที่ 3 ส่วน ได้แก่ 1) พื้นที่แกนกลางที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายหรือมีวัตถุประสงค์ชัดเจนเพื่อการอนุรักษ์ในระยะยาวและมีขนาดเหมาะสม 2) เขตกันชน ซึ่งกิจกรรมที่เป็นไปในทิศทางเดียวกับการอนุรักษ์เท่านั้นที่สามารถดำเนินการได้ 3) พื้นที่รอบนอก ที่มีการส่งเสริมรักษาสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาที่ยั่งยืน 6.การจัดการโครงสร้างเพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของหน่วยงานสาธารณะ ชุมชนท้องถิ่น และเอกชนที่เหมาะสม 7.พื้นที่ควรมีการพัฒนาเครื่องมือในการบริหารพื้นที่