เผยภาพที่แสดงให้เห็นสภาพชาวอัฟกันกว่า 600 คน นั่งเบียดเสียดแออัดกันอยู่บนเครื่องบินขนส่งทางทหารขนาดใหญ่ของกองทัพสหรัฐฯ ที่ถูกออกแบบมาเพื่อบรรทุกคนเพียง 150 คน แต่นักบินก็ตัดสินใจช่วยชีวิตพวกเขาทั้งหมด
ภาพที่เผยแพร่โดบเว็บไซท์ข่าว "Defense One" แสดงให้เห็นชาวอัฟกัน 640 คน นั่งเบียดเสียดกันอยู่ภายในเครื่องบิน C-17 หมายเลข RCH 871 และเป็นเที่ยวบินแรกๆ ที่ถูกส่งไปรับบุคคลากรของสถานทูตสหรัฐฯ จากสนามบินนานาชาติฮามิด คาไซ ในกรุงคาบูลของอัฟกานิสถาน ไปการ์ตา เมื่อวันอาทิตย์ แต่ชาวอัฟกันที่หวาดกลัวตาลีบันที่บุกเข้าเมืองหลวงอย่างง่ายดาย ได้พากันกระโดดขึ้นเครื่องบิน โดยที่ทหารสหรัฐฯ เข้าสกัดไม่ทัน และในที่สุดก็ตัดสินพาพวกเขาไปด้วย
กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ระบุว่า ผู้อพยพเหล่านี้ จะถูกพาไปที่ฐานทัพอากาศรัฐเท็กซัสและรัฐวิสคอนซิน ซึ่งนอกจากสหรัฐฯแล้ว อินเดียกับแคนาดาก็ใช้เครื่องบิน C-17 ไปรับพลเมืองต่างชาติและชาวอัฟกันออกจากกรุงคาบูลเช่นกัน ขณะที่เหตุการณ์ชุลมุนที่สนามบิน ทำให้มีผู้เสียชีวิต 8 คน โดยถูกทหารสหรัฐฯยิงเสียชีวิต 2 คน อีก 3 คน ร่วงจากลำตัวเครื่องบินหมายเลข RCH 885 ขณะทะยานขึ้น
นักบินแจ้งหอควบคุมการจราจรทางอากาศว่า มีคนบนเครื่องบิน 800 คน แต่ Defense One ระบุว่า ตัวเลขที่แท้จริงคือ 640 คน รวมทั้งผู้หญิงกับเด็กเล็ก และแม้จะถูกออกแบบมาสำหรับทหาร 150 นาย แต่ก็รองรับสินค้ามากกว่า 77,500 กิโลกรัม โดยเมื่อปี 2556 ก็เคยไปช่วยอพยพชาวฟิลิปปินส์อย่างน้อย 670 คน ออกจากเขตไต้ฝุ่นมาแล้ว
สนามบินที่คาบูล เป็นพื้นที่สุดท้ายที่อยู่ภายใต้การอารักขาของทหารขององค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ หรือ นาโต แต่ระบบทุกอย่างได้ล่มสลาย เมื่อทั้งชาวอัฟกันและชาวต่างชาติแทบจะเหยียบกันตายตอนที่ดิ้นรนหาทางออกจากสนามบิน ซึ่งสาเหตุแห่งความตื่นตระหนกและหวาดกลัว คือการที่ตาลีบันทำตรงข้ามกับที่รับปากกับประชาคมนานาชาติ เช่น บอกจะไม่แก้แค้น จะนิรโทษกรรมทุกคนและไม่ละเมิดสิทธิมนุษยชน เพราะต้องการได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการ แต่สิ่งที่ทำคือการไปเคาะประตูบ้านเพื่อจะฆ่าคนที่ถูกหมายหัว คือ "ล่ามและพันธมิตรของตะวันตก" และการบังคับเอาผู้หญิงกับเด็กผู้หญิงไปเป็นเจ้าสาว