ประธานหอการค้าไทย สนั่น อังอุบลกุล ระบุ มาตรการล็อกดาวน์พื้นที่คุมแข้มสีแดง 29 จังหวัดซึ่งมีเวลา 1 เดือน เมื่อครบกำหนดแล้วคงต้องดูสถานการณ์ช่วงปลายเดือนนี้อีกครั้ง เพื่อประเมินว่าควรจะขยายมาตรการออกไปหรือไม่ โดยหอการค้าไทยเห็นว่ามาตรการล็อกดาวน์ควรจำกัดเฉพาะพื้นที่ตามสถานการณ์การระบาดเพื่อไม่ให้ผลกระทบทางเศรษฐกิจเพิ่มไปมากกว่านี้ เพราะหลายธุรกิจหยุดชะงักไม่สามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้เต็มกำลัง
ปัจจุบันภาคเอกชนได้เข้ามาร่วมแบ่งเบาภาระของภาครัฐในการดูแลพนักงานและปฏิบัติตัวตามมาตรการต่างๆ โดยเฉพาะหลายแห่งได้มีการทำ Active Screening โดยใช้ Rapid Antigen Test Kit เพื่อเร่งแยกคนติดออกมาไม่ให้มีการระบาดในสถานประกอบการ รวมถึงมีการดูแลเชื่อมระบบกับโรงพยาบาลและโรงแรมที่เป็นเป็นพื้นที่เฝ้าระวังอาการโควิด-19 อีกด้วย
ที่ผ่านมา ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยประเมินว่ามาตรการล็อกดาวน์ที่เพิ่มเป็น 29 จังหวัดเป็นเวลา 2 เดือน จะกระทบต่อมูลค่าทางเศรษฐกิจประมาณ 5 แสนล้านบาท
ประธานหอการค้าไทย ยังระบุว่า แผนการเปิดประเทศภายใน 120 วันของนายกรัฐมนตรี คงต้องกลับมาทบทวนว่าจะสามารถเปิดพื้นที่อื่น ๆ ต่อจาก จังหวัดภูเก็ต ได้อย่างไร ซึ่งโครงการ ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ดำเนินการมาได้ระยะหนึ่งและได้ผลตอบรับเป็นที่น่าพอใจ แม้ว่าจะมีการระบาดโควิด-19 ในพื้นที่อื่นในประเทศเพิ่มเติม แต่จังหวัดภูเก็ตก็ยังเป็นพื้นที่ที่ทุกฝ่ายต้องร่วมกันช่วยกันรักษาไว้ เพื่อดำเนินการมาตรการคุมการระบาดให้ได้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศ
อย่างไรก็ตาม คงต้องมีการทดลองปรับมาตรการต่างๆ เพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ หากจะขยายผลต่อในพื้นที่อื่นๆ ถัดไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งการควบคุมคนเข้า-ออก ซึ่งคงต้องประเมินว่า ที่ดำเนินการอยู่ก็ต้องมาทบทวนว่าจะปรับเพิ่ม-ลดความเข้มข้นอย่างไร เพื่อให้เกิดความปลอดภัย และความมั่นใจของพื้นที่ควบคู่กัน