วันนี้ (7 ส.ค.) นายสุทิน คลังแสง ส.ส. มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี ศาลแพ่งสั่งคุ้มครองชั่วคราวห้าม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในฐานะ ผอ.ศบค. บังคับใช้คำสั่งการออก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ข้อกำหนดที่ 29 ว่า กรณีนี้เป็นการชี้ชัดว่ารัฐบาลโดย พล.อ.ประยุทธ์ ได้จงใจปฏิบัติหน้าที่โดยขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญอย่างชัดเจน ส่งผลให้เกิดความเสียหายให้เกิดกับสังคม ฉะนั้นเป็นการปฏิบัติราชการบริหารบ้านเมืองขัดต่อรัฐธรรมนูญอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ เข้ามา บริหารประเทศและได้มีการละเมิดกฎหมายมาจนเป็นนิสัย ครั้งหลังสุดคือการปล่อยให้ประชาชนต่อสู้กับโรคโควิด-19 โดยต้องจ่ายเงินซื้อวัคซีนเอง และแทนที่พล.อ.ประยุทธ์ จะสำนึกผิดและแก้ไขปัญหานี้ กลับไม่ดำเนินการ และสิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ทำคือ รีบออกกฏหมายโดยใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ปิดปากประชาชน ที่จะวิพากษ์วิจารณ์เรื่องเหล่านี้ไม่ให้สามารถกระทำได้ ซึ่งการออกกฏหมายปิดปาก ตามข้อ 29 ของ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ศาลแพ่งชี้แล้วว่าผิด
“ตนในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย จะรีบนำเรื่องดังกล่าวนี้เข้าหารือพรรคเพื่อไทย รวมถึงหารือกับพรรคร่วมฝ่ายค้านในสัปดาห์หน้า ว่าจะต้องมีการดำเนินตามกฏหมายในการดำเนินคดีกับ พล.อ.ประยุทธ์ ต่อศาลคดีอาญาทุจริต และอาจจะหารือกับฝ่ายกฎหมายว่า จะทำการยื่นถอดถอนออกจากตำแหน่งได้หรือไม่"
ฉะนั้นก่อนที่ฝ่ายค้านจะดำเนินการนำเรื่องนี้ขึ้นสู่ศาลคดีอาญาทุจริต รวมถึงการยื่นถอดถอน ฝ่ายค้านจะให้โอกาสรัฐบาลและ พล.อ.ประยุทธ์ ได้แสดงความรับผิดชอบต่อเรื่องที่เกิดขึ้น ทั้งนี้หากเป็นรัฐบาลที่มีสำนึกประชาธิปไตยสูง เมื่อเกิดเหตุการณ์อย่างนี้จะต้องมีการลาออก
"ส่วนสาเหตุที่ต้องดำเนินการเรื่องนี้ เพราะเป็นการสกัดกั้นไม่ให้ พล.อ.ประยุทธ์ ใช้อำนาจที่เหิมเกริม โดยไม่ยึดหลักนิติรัฐนิติธรรม นึกจะทำอะไรก็ทำตามใจตัวเอง ประหนึ่งว่าประเทศนี้ไม่มีขื่อมีแป ไม่มีกฎหมายให้ยึดถือ"