แจงปมดราม่า"ลูกพลัม"โครงการหลวง
วันที่ 10 พฤษภาคม 2564 จากการณีที่มีข้อความส่งต่อทางโลกสังคมออนไลน์ถึงการขอความช่วยเหลือในการกระจายผลลูกพลัมจูหลีสด หรือเชอรี่ดอย ในพื้นที่ดอยแม่สลอง อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงรายโดยมีข้อความว่า "สวัสดีค่ะ หนูชื่อวิวค่ะเป็นเจ้าหน้าที่โครงการหลวงดอยเเม่สลอง จังหวัดเชียงราย หนูขอประสานเข้ามา เกี่ยวกับผลลูกพลัมจูหลีสดขายเข้าโรงงานเเปรรูปไม่ได้ เนื่องจากสถานการณ์โควิด โรงงานหยุดดำเนินการ ผลผลิตกำลังออกสู่ตลาดช่วงเดือน พ.ค.-กลางเดือนมิ.ย. ประมาณว่า 90-100 ตัน ที่ต้องทิ้ง หากจำหน่ายไม่ได้ ชาวบ้านกำลังหมดทางไป หนูจึงขอความกรุณาจากทุกๆท่าน ช่วยอุดหนุนผลสดลูกพลัมจูหลีจากชาวบ้านด้วย คนละนิดคนละหน่อยก็ประคับประคองกันไปนะคะ " พร้อมระบุราคาและเลขที่บัญชี และหมายเลขโทรศัพท์ของน้องวิว
ต่อมาได้มีข้อความการแจ้งเตือนจากผู้ที่ประสงค์ดีเพื่อป้องกันการถูกหลอกลวงว่า "ขออนุญาต ชี้แจงเกี่ยวกับเรื่องข้อเขียนอันนี้ครับ ในฐานะที่ผมยังช่วยงานโครงการหลวงอยู่ อันดับแรกขอชี้แจงว่าโครงการหลวง ไม่มีเจ้าหน้าที่และไม่มีการส่งเสริมที่ดอยแม่สลอง คนชื่อวิว ไม่ใช่เจ้าหน้าที่โครงการหลวง ข้อที่ 2 โรงงานโครงการหลวงไม่เคยหยุดรับซื้อผลผลิตและจำหน่ายผลผลิต แต่การรับซื้อผลผลิตและจำหน่าย ส่วนใหญ่จะมาจากเขตส่งเสริม ที่โครงการหลวงรับผิดชอบ ใน 39 ศูนย์เป็นหลัก บทความนี้ทำให้โครงการหลวงเสียหาย ก็ขอชี้แจงให้ทราบทั่วกันครับ"
จากนั้นทางผู้สื่อข่าวจึงได้ลงพื้นที่ที่โครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวงแม่สลอง อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย โดยได้พบกับนางสาวพิณทิพย์ แดงไฝ หรือน้องวิว ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่โครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวงแม่สลอง สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) ซึ่งเป็นโครงการในความรับผิดชอบของสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุนงานของมูลนิธิโครงการหลวงและขยายผลสำเร็จของโครงการหลวงไปยังพื้นที่สูงอื่น โดยการลงพื้นที่พบว่าเจ้าหน้าที่กำลังช่วยกันแพ็คลูกพลัมจูหลี หรือเชอรี่ดอยใส่กล่องพัสดุไปรษณีย์ไทย เพื่อขนใส่รถยนต์กระบะเตรียมส่งให้กับลูกค้า โดยมีเจ้าหน้าที่และชาวบ้านกำลังช่วยกันทำงานอยู่
นางสาวพิณทิพย์ แดงไฝ เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวในโลกสังคมออนไลน์ เป็นการเข้าใจผิดเนื่องจากการโพสต์ครั้งแรก ไม่ได้ใส่ชื่อเต็มของโครงการหลวง โดยพิมพ์ตกว่า โครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวงแม่สลอง จึงทำให้เข้าใจคลาดเคลื่อน หลังจากนั้นได้มีการแก้ไขข้อมูลโดยการให้ติดต่อซื้อลูกพลัมจูหลี ซึ่งตนต้องขอบคุณสำหรับการอุดหนุนผลิตผลพลัมของเกษตรกร และเนื่องจากมีออร์เดอร์เข้ามาจำนวนมากหลังจากที่ได้โพสต์ไปในหลายช่องทาง จึงอาจทำให้รับโทรศัพท์ของลูกค้าหลายคนไม่ทัน
ขณะนี้ตนและกลุ่มเกษตรกรกำลังจัดการเคลียร์ออเดอร์ทั้งหมดและจะขอปรับเปลี่ยนไปให้เกษตรกรเป็นผู้จัดการทั้งหมด โดยสามารถอุดหนุนผลิตผลพลัมของเกษตรกร ภายใต้โครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวงแม่สลอง โดยติดต่อผ่านกลุ่มเกษตรกร โดยระบุชื่อและเบอร์โทรศัพท์ หรือผ่านทางกลุ่มงานตลาดและสถาบันเกษตรกร ของสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง โดยติดต่อและประสานงาน กับนางวรุมดี ภาคสินธ์ เบอร์โทรติดต่อ 081-8845780 ไฉไล กรองทอง เบอร์โทรติดต่อ 084-616255 เพื่อจะได้จัดระบบในการจัดส่งให้ถึงมือลูกค้า
"การส่งข้อความในครั้งแรกเป็นการส่งข้อความขอความช่วยเหลือไปยังกลุ่มคณะที่เรียนมาจบมา โดยให้รุ่นพี่รุ่นน้องช่วยกระจายสินค้า แต่ได้มีการส่งต่อข้อความไปหลายกลุ่มจึงได้เกิดความเข้าใจกคลาดเคลื่อนขึ้น อย่างไรก็ตาม ได้มีการแก้ไขและมีบางรายที่โอนเงินเข้ามาสั่งซื้อสินค้า แต่ได้สั่งไปจากลุ่มไลน์อื่นทำให้ไม่ทราบว่ายอดดังกล่าวเป็นของท่านใด จึงขอความกรุณาหากว่ายังไม่ได้รับการติดต่อหรือได้รับสินค้า ขอให้ติดต่อกับทางผู้ประสานงานของโครงการเพื่อเร่งส่งสินค้าให้"
นางสาวพิณทิพย์กล่าว
สำหรับลูกพลัมจูหลี หรือเชอรี่ดอยในพื้นที่ดอยแม่สลอง เป็นพื้นที่ปลูกเพื่อให้ร่มใบแก่ต้นกาแฟ ซึ่งในพื้นที่ดอยแม่สลองมีประมาณ 500 ไร่ ในปีนี้มีผลผลิตมากกว่าทุกปีเนื่องจากสภาพอากาศและฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่องทำให้ผลิตออกมาจำนวนมาก ประกอบกับช่วงที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ไม่มีลูกค้ามารับซื้อถึงที่และการส่งออกไปยากลำบากเพราะไม่มีออร์เดอร์มาเหมือนปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ผลสุกและร่วงลงดิน ทำให้ดินเป็นกรดและส่งผลกระทบต่อต้นกาแฟ ซึ่งหลายแปลงผลได้ร่วงลงดินและทำให้เกิดกลิ่นเหม็นเน่าเนื่องจากระบายผลผลิตไม่ทัน
โดยในแต่ละปี เกษตรกรจะมีรายได้จากการเก็บผลพลัมจูหลี ได้ปีละประมาณ 80,000- 100,000 บาท โดยอยู่ที่ราคากิโลละ 6-8 บาท แล้วแต่ขนาด ซึ่งในปีนี้มีผลิตอยู่ในพื้นที่ดอยแม่สลองอีกประมาณ 500 ตัน ทั้งนี้ ยังคงต้องเร่งระบายผลผลิตดังกล่าว ซึ่งได้เร่งส่งออก โดยได้ส่งสินค้าทางไปรษณีย์ไทยให้กับลูกค้าที่สั่งออร์เดอร์มาทางไลน์ และติดต่อมาทางเจ้าหน้าที่