จากที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 11/2563 ที่ประชุมได้เห็นชอบข้อเสนอเพื่อ "ยกระดับระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ตามนโยบายของ รมว.สาธารณสุข กรณีผู้มีสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) สามารถไปรับบริการได้ทุกที่นั้น
1 มีนาคม 2564 นายวัชรพงศ์ คูวิจิตรสุวรรณ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยผู้บริหารจาก 4 กลุ่มจังหวัด ร้อยแก่นสารสินธุ์ คือ ร้อยเอ็ด ขอนแก่น มหาสารคามและกาฬสินธุ์ บุคลากรทางการแพทย์ และอสม. ได้ร่วมกัน Kickoff นโยบายบริการปฐมภูมิรักษาทุกที่ เขตสุขภาพที่ 7 พร้อมผลักดันนโยบายการบริการปฐมภูมิรักษาทุกที่ ทั่วประเทศต้องไม่มีผู้ป่วยอนาถา ทุกคนเท่าเทียมกัน สำหรับนโยบายการยกระดับการเข้าถึงการรักษาของกระทรวงสาธารณสุข กรณีผู้ที่มีสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ บัตรทอง สามารถไปรับบริการการรักษาได้ทุกที่ตามนโยบายของสปสช. พร้อมปลดล๊อคใน 4 เรื่อง คือ
1. ประชาชนเจ็บป่วย สามารถไปรับบริการกับหมอประจำครอบครัวในหน่วยบริการ ปฐมภูมิทุกที่ ในระบบบัตรทองตามนโยบาย 30 บาท รักษาทุกที่2. ผู้ป่วยใน ไม่ต้องกลับไปรับใบส่งตัว3. โรคมะเร็งไปรับบริการที่ไหนก็ได้ที่พร้อมและ 4. ย้ายหน่วยบริการได้สิทธิ์ทันที ไม่ต้องรอ 15 วันนายวัชรพงศ์ กล่าวว่า สำหรับนโยบายนี้ เพื่อให้ประซาซนเข้าถึงระบบบริการสาธารณสุข โดยยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง สามารถเข้าถึงการรักษา ได้สะดวก รวดเร็ว ประหยัดค่าใช้จ่าย สนองนโยบายลดความแออัดของโรงพยาบาลขนาดใหญ่ ซึ่งที่ผ่านมาเขตสุขภาพที่ 7 ถือว่ามีความพร้อมในการดำเนินการตามนโยบายรักษาทุกที่ได้เป็นอย่างดี โดยนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ สามารถอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ป่วยที่ถือบัตรทอง มารับบริการที่หน่วยบริการปฐมภูมิ คือโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล ศูนย์แพทย์ ศูนย์สุขภาพชุมชน ซึ่งเขตสุขภาพที่ 7 มีประซากร 5,054,166คน มีหน่วยบริการปฐมภูมิ 822 แห่ง พร้อมให้บริการ 1 มีนาคม 2564