svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

"อ.เจษฎ์" แจง ดมตดแล้วได้กลิ่น ไม่ได้แปลว่า ยังไม่ติดเชื้อโควิด-19

26 ธันวาคม 2563
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

เพจเฟซบุ๊ก "อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์" ออกมาแจงข่าวในโซเชียล เรื่องวิธีการเช็คว่าติดเชื้อโควิด-19 ด้วยการดมตด ว่าการกระทำนี้ไม่สามารถเช็คได้ว่าเราติดเชื้อ หรือ ยังไม่ติด

"อ.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์" ออกมาโพสต์ชี้แจง ผ่านเพจเฟซบุ๊ก "อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์" เรื่องการ "เช็คว่าติดเชื้อโควิด-19 ด้วยการดมตด" ที่กำลังถูกแชร์กันอย่างมากในโลกโซเชียล ว่าไม่ถูกต้องทั้งหมดเพราะอาการที่ไม่สามารถรับรู้กลิ่นหรือรสชาติ เป็นอากการของบางคน

"อ.เจษฎ์" แจง ดมตดแล้วได้กลิ่น ไม่ได้แปลว่า ยังไม่ติดเชื้อโควิด-19


"ดมตดแล้วได้กลิ่น ไม่ได้แปลว่า ยังไม่ติดโรคโควิด"
ตอนนี้เห็นหลายๆ คนเล่นมุกทำนองนี้กัน ว่า "ให้ลองดมกลิ่นของอะไรที่เหม็นๆ แล้วถ้าได้กลิ่น แสดงว่าคุณยังไม่ติดโควิด" !?  .... ไม่ถูกนะครับ !!  อาการไม่รับรู้กลิ่น (หรือไม่รับรู้รสอาหาร) เป็นลักษณะอาการหนึ่งที่ผู้ติดเชื้อไวรัสโรคโควิด-19 "บางคน" อาจจะเป็นได้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเป็น /  มีอาการของโรคทางเดินหายใจอื่นๆ ที่ทำให้เราไม่ได้กลิ่นเช่นกัน และแถมผู้ติดเชื้อไวรัสเกินครึ่งหนึ่ง จะไม่มีอาการป่วยใดๆ ของโรคเลย (แต่แพร่เชื้อโรคได้)

"อ.เจษฎ์" แจง ดมตดแล้วได้กลิ่น ไม่ได้แปลว่า ยังไม่ติดเชื้อโควิด-19


1. โรคโควิด-19 นั้นเป็นโรคทางเดินหายใจที่เกิดจากเชื้อโคโรน่าไวรัส โดยผู้ติดเชื้ออาจจะมีอาการแตกต่างกันหลากหลายกันไปในแต่ละคน เช่น นอกจากจะเป็นไข้ ไอจาม หายใจขัดแล้ว "บางคน" ยังอาจจะสูญเสียความสามารถในการดมกลิ่นและรับรู้รสไปชั่วคราวด้วย แม้ว่าจะหายใจไม่ตัดขัดหรือไม่มีน้ำมูกก็ตาม
2. แต่คนที่ป่วยเป็นโรคติดต่อในระบบทางเดินหายใจส่วนบน เช่น หวัดทั่วไป หรือไข้หวัดใหญ่ นั้น ก็มีอาการผิดปรกติกับการได้กลิ่นหรือรับรสได้เช่นกัน คือ โดยเฉลี่ยแล้ว กว่า 60% ของคนที่เป็นหวัดและเป็นไซนัสอักเสบนั้น ก็มีอาการเช่นนี้ได้ 
3. แต่กระนั้น เราก็อาจจะเอาเรื่องการที่ไม่ได้กลิ่นไม่รับรู้รสนี้ มาเป็นสัญญาณเตือน ว่าเป็นโรคโควิด COVID-19 ได้ โดยจากการศึกษาวิเคราะห์เมื่อไม่นานมานี้ (https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/32762282/) ที่ประเมินผลการวิจัย 8 เรื่องกับคนไข้โรค 11,054 คน พบว่าอาการไม่ได้กลิ่นไม่รับรู้รสนั้น มักจะเกิดขึ้นก่อนอาการอื่นๆ ของโรค และยังมีงานวิจัยที่ระบุด้วยว่า คนที่มีอาการเช่นนี้ มักจะเป็นคนที่ป่วยไม่มาก ไม่ใช่กลุ่มที่ป่วยรุนแรงจนจะต้องเข้าโรงพยาบาล (https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/32329222/)

4. มีหลายสมมติฐานที่อธิบายว่า ทำไมผู้ที่ติดเชื้อโรคโควิด-19 ถึงได้สูญเสียความสามารถในการดมกลิ่นรับรส คือ
-4.1 เชื้อไวรัส SARS-CoV-2 ที่ก่อให้เกิดโรคโควิด-19 นั้นไปจับกับโปรตีนที่เรียกว่า ACE2 ซึ่งอยู่บนพื้นผิวของเซลล์เจ้าบ้าน (เช่น เซลล์ในระบบทางเดินหายใจของคนเรา) โปรตีน ACE2 นี้พบมากบนเซลล์ที่อยู่ในจมูกและปากของเรา ดังนั้น จึงเป็นไปได้ ที่ไวรัสอาจจะสามารถโจมตีโดยตรงเข้าที่เซลล์ประสาทที่เชื่อมโยงกับสัมผัสด้านกลิ่นและรส
-4.2 แต่งานวิจัยเมื่อไม่นานมานี้ (https://advances.sciencemag.org/content/6/31/eabc5801) ไม่ค่อยเห็นด้วยกับสมมติฐานดังกล่าว เพราะนักวิจัยไม่พบโปรตีน ACE2 บนเซลล์ประสาทที่ใช้รับรู้กลิ่น แต่พบโปรตีนบนเซลล์ที่อยู่โดยรอบและคอยสนับสนุนเซลล์ประสาท จึงเป็นไปได้ว่า เซลล์โดยรอบ เหล่านี้ต่างหากที่ติดเชื้อไวรัสและทำให้เกิดการอักเสบขึ้นในระดับที่ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการดมกลิ่น
-4.3 ยังไม่ค่อยมีงานวิจัยที่ศึกษาว่าทำไมโรคโควิด-19 ถึงทำให้เกิดอาการไม่รับรู้รสชาติอาหาร แต่คาดว่า การที่ผู้ป่วยโรคโควิด-19 บางคนไม่สามารถรับรู้รสได้นั้น ก็เป็นผลต่อเนื่องตามมาจากการสูญเสียความสามารถในการดมกลิ่น ซึ่งเป็นสองสัมผัสที่เชื่อมโยงกัน (https://www.bmj.com/content/370/bmj.m2808)
5. แล้วอาการไม่ได้กลิ่นไม่รู้รสนี้ พบได้บ่อยแค่ไหนในผู้ติดเชื้อโรคโควิด-19 ? คำตอบคือ มีหลายรายงานที่ให้คำตอบนี้ ซึ่งเป็นคำตอบที่หลากหลายแตกต่างกันมาก
5.1 การศึกษาเมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Mayo Clinic Proceedings (https://www.mayoclinicproceedings.org/.../S0025-6196.../pdf) ซึ่งได้ทบทวนงานวิจัยที่ผ่านมากว่า 24 เรื่องจากผู้ที่ได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อโรคโควิด-19 กว่า 8 พันราย พบว่า
-5.2 มีการรายงานถึงความถี่ในการพบอาการไม่ได้กลิ่น หลากหลายค่า ตั้งแต่ 3.2% จนถึง 98.3% โดยมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 41%
-5.3 มีการรายงานถึงความถี่ในการพบอาการไม่รับรู้รส หลากหลายค่า ตั้งแต่ 5.6% จนถึง 62.7% โดยมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 38.2%
-5.4 ผู้สูงอายุ จะพบอาการดังกล่าวน้อยกว่า คนหนุ่มสาว
-5.5 ไม่มีความแตกต่างกันในเรื่องเพศชายหรือเพศหญิง (แต่ก็มีงานวิจัยอื่นๆ ที่บอกว่ามีแนวโน้มจะเกิดได้ในเพศหญิง มากกว่าเพศชาย

logoline