นายจตุพร บุรุษพัฒน์ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้เร่งรัดสั่งการให้ นายโสภณ ทองดีอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งสั่งการให้ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยฝั่งตะวันออกจ.ระยองนำทีมเจ้าหน้าที่และนักวิชาการวิทยาศาสตร์ทางทะเลลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง พบปลิงทรายหนาม ชนิด Holothuria(Theelothuria) kurti จำนวนมากเกยตื้นทั้งหมดอยู่ในสภาพยังมีชีวิตแต่มีอาการอ่อนแรงเนื่องจากสภาพแวดล้อมโดยรอบเกิดการเปลี่ยนแปลงแบบฉับพลัน
กล่าวคือมีปริมาณน้ำจืดปริมาณมากไหลลงมาสู่ทะเลทำให้เกิดความเจือจางจนค่าความเค็มต่ำทำให้ปลิงไม่สามารถปรับตัวได้ทันสูญเสียแรงดันออสโมซิสในร่างกายจึงเกิดความอ่อนแอจนไม่สามารถต้านทานกระแสคลื่นและพัดมาเกยชายหาดเป็นจำนวนมากดังกล่าว
ด้านนายวราวุธ ศิลปอาชารัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่าตนได้สั่งการให้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝัง ตรวจสอบสถานการณ์และเฝ้าติดตามการเปลี่ยนแปลงอย่างใกล้ชิดซึ่งในเบื้องต้นได้รับสรุปรายงานว่าพื้นที่ดังกล่าวมีการพบเหตุการณ์ลักษณะนี้อยู่เป็นประจำ เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่เกิดการรุกของน้ำจืดทำให้ค่าความเค็มมีการเปลี่ยนแปลงแบบฉับพลันซึ่งปลิงทะเลจะเป็นเหมือนดัชนีชี้วัดหากมีการเปลี่ยนแปลงความเค็มก็จะแสดงอาการให้เห็นทันทีตนจึงขอยืนยันว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติเท่านั้นอย่าได้กังวลว่าจะเป็นลางร้ายหรือเหตุเภทภัยเหนือธรรมชาติใดๆ โดยในช่วงท้ายนายวราวุธ กล่าวต่อไปว่า
" สิ่งต่าง ๆ เปรียบเสมือนสัญญาณทางธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นเป็นประจำแต่สิ่งที่น่ากังวลมากกว่า คือ น้ำเสียที่ถูกปล่อยลงสู่ทะเลโดยน้ำมือมนุษย์ผู้ขาดจิตสำนึกรับผิดชอบทำให้เกิดการสะพรั่งของสาหร่ายและเกิดมลพิษทางทะเล สิ่งนี้จะต้องหาทางจัดการและป้องกันอย่างที่สุดแม้ว่าเจ้าหน้าที่จะตรวจตราเฝ้าระวังอย่างไร หากยังมีคนเห็นแก่ตัวมักง่ายแอบปล่อยน้ำเสียลงทะเลปัญหาเหล่านี้ก็ยังจะปรากฎให้เห็นอยู่เป็นประจำซึ่งตนได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ติดตามและหามาตรการแนวทางในการแก้ไขให้ได้อย่างเด็ดขาดเพื่อรักษาระบบนิเวศทางทะเลให้สมดุล ต่อไป" รมว.ทส.กล่าวยืนยัน