
เมื่อวันที่ 13 ก.ย. 2563 ที่ผ่านมา ที่โรงแรมวิสต้า ต.สำนักขาม อ.สะเดา จ.สงขลา คณะกรรมาธิการการเงิน การคลัง สถาบันการเงินและตลาดการเงิน สภาผู้แทนราษฎรจัดการสัมมนาทางวิชาการ เรื่อง"ผลกระทบของโควิด-19 ต่อเศรษฐกิจ การค้าชายแดนและการท่องเที่ยว ในจังหวัดชายแดนภาคใต้" โดยมีประชาชน นักธุรกิจ เข้าร่วมประมาณ 500 คน
ดร.อิสระ เสรีวัฒนวุฒิ โฆษกคณะกรรมาธิการการเงินการคลัง สถาบันการเงินและตลาดการเงิน สภาผู้แทนราษฎรในฐานะผู้รับผิดชอบโครงการ ลงพื้นที่ดูงาน และสัมมนาเรื่องผลกระทบของวิกฤติโควิด 19 ต่อเศรษฐกิจ การค้าชายแดน และการท่องเที่ยวในจังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวถึงภารกิจของคณะกรรมาธิการนำโดยนายสมศักดิ์ พันธุ์เกษม ประธานคณะกรรมาธิการ ในครั้งนี้ว่า "จากภาวะเศรษฐกิจไทยได้ส่งสัญญาณที่มีทิศทางสู่ภาวะถดถอยอย่างชัดเจนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ความพยายามในการเพิ่มและรักษาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศจึงได้รับการผลักดันมากขึ้น ประกอบกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในทุกด้าน และสงครามการค้าระหว่างมหาอำนาจ ส่งผลเชิงลบต่ออัตราการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจไทยและเมื่อเกิดการคุกคามจากโรคระบาดโควิด-19 ในช่วงต้นปี 2563 "
ทำให้รัฐบาลต้องออกมาตรการป้องกันการระบาด ด้วยการปิดสถานที่ และงดการเดินทางเข้าออกระหว่างประเทศและต่างจังหวัดเป็นการชั่วคราว ซึ่งเกิดประสิทธิผลต่อการหยุดการระบาด แต่การหมุนเวียนของการประกอบธุรกิจแทบทุกประเภท ต้องหยุดลง ก่อให้เกิดวิกฤติเศรษฐกิจทดถอยอย่างกระทันหัน รวมถึงการค้าภายในประเทศและการส่งออกต่างประเทศส่งผลให้หลายธุรกิจต้องหยุดการประกอบกิจการ บุคลากรหลากหลายกลุ่มประเชิญกับความภาวะตกงานหรือรายได้ลดลง ด้วยเหตุนี้ เพื่อเป็นการบรรเทาและเยียวยา รัฐบาลจึงได้จัดให้มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเสริมสภาพคล่องและจัดหาแหล่งเงินทุน ตลอดจนการชะลอหนี้สินและค่าใช้จ่ายให้กับธุรกิจและประชาชน แต่ช่วยได้เพียงระยะสั้นเท่านั้น
ดังนั้นคณะกรรมาธิการการเงินการคลัง จึงเห็นความสำคัญที่ต้องรับฟังและสร้างความรู้ความเข้าใจให้ตรงกันถึงแก่นแท้ของปัญหา และให้ตรงกับความต้องการของประชาชน ได้จัดสัมมนาเรื่องการพัฒนาการค้าชายแดนและการท่องเที่ยว บนความปกติใหม่อย่างยั่งยืน เพื่อระดมความคิดเห็นจากภาคส่วนต่างๆในท้องถิ่น ก่อนที่จะไปดำเนินการวิเคราะห์สรุปผลเพื่อเสนอต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ได้รับทราบและนำไปจัดทำนโยบายให้เป็นแนวทางสำหรับการปฎิบัติต่อไป
การจัดการจัดสัมมนาในครั้งนี้กรรมาธิการได้เลือกพื้นที่เขตเศรษฐกิจบ้านด่านนอก อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา ณ โรงแรมเดอะวิสต้า โดยมีนักธุรกิจ และประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากในพื้นที่ และจากจังหวัดปัตตานี ยะลา สตูล สงขลา นราธิวาสเข้าร่วมรับฟังกว่า 500 คน ในเวทีจัดสัมมนาได้ระดมความคิดเห็นจากภาคส่วนต่างๆในท้องถิ่น โดยมีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐกิจ การเงินและสังคมจำนวน 10 ท่านสำหรับประชาชนที่ได้มาฟังการสัมมนาในครั้งนี้ต่างรู้สึกมีความหวังกับการฟื้นฟูธุรกิจภาคการท่องเที่ยว การค้าชายแดน ซึ่งบ้านด่านนอกได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด มากที่สุดนานที่สุด ปัจจุบันบ้านด่านนอกมีโรงแรมจำนวน 46 แห่ง ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้ประมาณ 5,000 คนและประชาชนได้ทิ้งถิ่นฐานกลับสู่ภูมิลำเนา ส่วนประชาชนที่ยังไปไหนไม่ได้คือ กลุ่มที่ติดหนี้ธนาคาร กลุ่มที่มาซื้อบ้าน จึงยังไม่สามารถเคลื่อนย้ายถิ่นฐานได้